สมาคมโภชนาการแห่งประเทศไทยฯ ร่วมกับภาคีเครือข่าย จัดการประชุมวิชาการโภชนาการแห่งชาติ ครั้งที่ 9 “โภชนาการดีถ้วนหน้า ตามรอยพระบาทเจ้าฟ้านักโภชนาการ”

สมาคมโภชนาการแห่งประเทศไทยฯ ร่วมกับภาคีเครือข่าย

จัดการประชุมวิชาการโภชนาการแห่งชาติ ครั้งที่ 9

โภชนาการดีถ้วนหน้า ตามรอยพระบาทเจ้าฟ้านักโภชนาการ”

สมาคมโภชนาการแห่งประเทศไทยฯ ร่วมกับกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และภาคีเครือข่าย จัดการประชุมวิชาการโภชนาการแห่งชาติ ครั้งที่ 9 “โภชนาการดีถ้วนหน้า ตามรอยพระบาทเจ้าฟ้านักโภชนาการ” เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ 5 รอบ 2 เมษายน พ.. 2558 ระหว่างวันที่ 21-23 ตุลาคม พ.. 2558 ณ รอยัล พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน กรุงเทพฯ

รศ.พญ.อุมาพร สุทัศน์วรวุฒิ นายกสมาคมโภชนาการแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี กล่าวว่า สมาคมโภชนาการแห่งประเทศไทยฯ มีวิสัยทัศน์คือ ส่งเสริม สนับสนุนสังคมไทยให้เป็นสังคมแห่งการมีภาวะโภชนาการดี อีกทั้งยังมีบทบาทหลักคือ ส่งเสริมและเผยแพร่ความรู้ด้านอาหารและโภชนาการแก่ผู้ที่ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงประชาชนทั่วไป โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้มีการพัฒนาองค์ความรู้และเผยแพร่ความรู้ผ่านสื่อต่าง ๆ ทั้งเว็บไซต์ วารสารโภชนาการ และจัดการประชุมวิชาการประจำปี ไม่เพียงเท่านั้น ยังเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการหรือคณะทำงานหลายคณะของภาครัฐในการกำหนดนโยบาย แผนงาน และแนวทางการดำเนินงานด้านอาหารและโภชนาการของประเทศไทย ทั้งในเรื่องของการส่งเสริมภาวะโภชนาการของคนไทย การป้องกันปัญหาขาดสารอาหาร ภาวะโภชนาการเกิน และโรคอ้วน

สำหรับการจัดการประชุมวิชาการประจำปี สมาคมโภชนาการแห่งประเทศไทยฯ ได้มีการจัดต่อเนื่องมาตั้งแต่ก่อตั้งสมาคมขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2508 กระทั่งปี พ.ศ. 2549 ได้จัดให้เป็นการประชุมวิชาการโภชนาการแห่งชาติ ครั้งที่ 1 และจัดต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันเป็นครั้งที่ 9 ซึ่งมีความพิเศษคือ เป็นปีมหามงคลเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ 5 รอบ 2 เมษายน พ.ศ. 2558 ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านที่มีต่อชาวไทย สมาคมโภชนาการแห่งประเทศไทยฯ และภาคีเครือข่ายด้านอาหารและโภชนาการทั้งภาครัฐและเอกชน รวมทั้งมหาวิทยาลัย สถาบันการศึกษา และองค์กรต่าง ๆ จึงได้ร่วมกันจัด การประชุมวิชาการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ 5 รอบ 2 เมษายน พ.. 2558 ระหว่างวันที่ 21-23 ตุลาคม พ.. 2558 ณ รอยัล พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน กรุงเทพฯ

โดยมีวัตถุประสงค์ 1. เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงริเริ่มโครงการพัฒนาด้านอาหารและโภชนาการต่าง ๆ ทั้งโครงการในประเทศและระหว่างประเทศ 2. เพื่อรวมพลังภาคีเครือข่ายด้านอาหารและโภชนาการในการขับเคลื่อนการผลิตอาหารที่มีคุณภาพและปลอดภัย รวมทั้งให้ประชาชนได้มีความรู้ ความเข้าใจในการเลือกรับประทานอาหาร และสร้างสุขภาพดีวิถีชีวิตไทย ตามหลัก 3 อ. ได้แก่ อาหาร ออกกำลังกาย อารมณ์ 3. เพื่อเป็นการเพิ่มพูนความรู้ด้านอาหารและโภชนาการต่อการดำเนินชีวิต และตระหนักถึงปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต เพื่อหาแนวทางการพัฒนาต่อไป

“การประชุมวิชาการครั้งนี้ ในแต่ละวันจะมีทั้งภาควิชาการและภาคประชาชน เปรียบเสมือนเป็นเวทีให้นักวิชาการและผู้ปฏิบัติงาน รวมทั้งประชาชน ได้แลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ในหลายมุมมอง และยังเป็นโอกาสสำคัญในการให้ความรู้ที่ถูกต้องกับสาธารณะในด้านอาหารและโภชนาการ โดยจะเห็นได้ว่าในปัจจุบันโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ได้มีการให้ความรู้ที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง บางครั้งมีการโฆษณาชวนเชื่อที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ จึงเป็นโอกาสสำคัญที่จะได้ให้ความรู้ให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง และหวังว่าผู้เข้าร่วมประชุมจะนำความรู้ไปปฏิบัติและเผยแพร่ให้แก่ผู้ที่ไม่ได้มีโอกาสเข้าร่วมประชุมต่อไป” รศ.พญ.อุมาพร กล่าว

รศ.พญ.อุมาพร กล่าวอีกว่า ธีมหรือหัวข้อหลักของการประชุมปีนี้คือ “โภชนาการดีถ้วนหน้า ตามรอยพระบาทเจ้าฟ้านักโภชนาการ” เนื่องจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งเป็นองค์อุปถัมภ์ของสมาคม พระองค์ท่านทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อชาวไทยมาโดยตลอด ทรงเป็นผู้นำในการพัฒนาด้านอาหารและโภชนาการ โครงการตามพระราชดำริหลายโครงการ เช่น การดำเนินงานพัฒนาด้านอาหาร โภชนาการ และสุขภาพเด็กอย่างครบวงจรในโรงเรียน เป็นแบบอย่างที่ดีที่ผู้ปฏิบัติงานด้านอาหารและโภชนาการทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศสามารถดำเนินงานพัฒนาตามรอยพระยุคลบาทของพระองค์ท่าน

การประชุมวิชาการครั้งนี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่า You are What you eat กินอะไรได้อย่างนั้น เพราะฉะนั้น ภาวะโภชนาการของเราจึงเป็นพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของสุขภาพ ไม่ว่าในขณะที่ปกติดีหรือขณะที่เจ็บป่วย ซึ่งแพทย์หรือผู้ที่ทำงานเกี่ยวข้องกับสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นพยาบาล ทันตแพทย์ เภสัชกร นักกำหนดอาหาร นักวิชาการ ต่างก็ต้องดูแลสุขภาพ สนใจเรื่องอาหารและโภชนาการ เนื่องจากต้องทำงานเกี่ยวกับสุขภาพ ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับการให้ความรู้เรื่องอาหารและโภชนาการแก่ผู้มารับบริการ ก็สามารถที่จะนำองค์ความรู้ที่ได้จากการประชุมวิชาการครั้งนี้ไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

โดยรูปแบบการจัดประชุมมีหลากหลายทั้งการบรรยายพิเศษ การอภิปราย การนำเสนอผลงานทางวิชาการ และการประกวดผลงานทางวิชาการทั้งแบบปากเปล่าและโปสเตอร์ นอกจากนั้นยังมีนิทรรศการเทิดพระเกียรติ นิทรรศการด้านอาหารและโภชนาการจากหน่วยงานทั้งภาครัฐภาคเอกชน ส่วนหัวข้อในการประชุมวิชาการก็ล้วนแล้วแต่มีความน่าสนใจ ได้แก่ การพัฒนาโภชนาการเด็กและเยาวชนเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต, การควบคุมโรคขาดสารไอโอดีนอย่างยั่งยืน, การพัฒนาโครงการเด็กไทยแก้มใสตามรอยพระบาทเจ้าฟ้านักโภชนาการ, อาหารไทยไปไกลทั่วโลก, ผัก ผลไม้จากภูมิปัญญาไทยสู่งานวิจัยโลก, ภาวะแพ้อาหาร, ประเด็นร้อน หวาน มัน เค็ม, ประเด็นท้าทายอาหารบริเวณบาทวิถี และ โภชนาการและการแสดงออกทางพันธุกรรม

“ปัจจุบันประเทศไทยมีเป้าหมายให้คนไทยควบคุมปัญหาโภชนาการเกิน ซึ่งเกิดจากรับประทานอาหารหวาน มัน เค็ม ไม่รับประทานผัก ผลไม้ ไม่ออกกำลังกาย การประชุมวิชาการครั้งนี้ตอบโจทย์ได้อย่างดี เพราะจะมีการพูดเรื่องอาหารหวาน มัน เค็ม เรื่องผัก ผลไม้ ซึ่งมีสารต้านอนุมูลอิสระและสารพฤกษเคมีมากมายที่จะช่วยป้องกันโรคในระยะยาว เช่น มะเร็ง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง ความดันโลหิตสูง เป็นต้น เรื่องอาหารไทยที่มีสมุนไพรเป็นส่วนประกอบมากมาย ซึ่งทั่วโลกต่างให้ความสนใจ รวมถึงภาวะแพ้อาหารที่พบได้บ่อย จึงควรจะมีความรู้ในเรื่องดังกล่าว เพื่อจะได้สามารถวินิจฉัยและให้การดูแลได้ถูกต้อง” รศ.พญ.อุมาพร กล่าว

รศ.พญ.อุมาพร กล่าวเพิ่มเติมถึงไฮไลท์ที่พลาดไม่ได้ว่า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะเสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธานและทรงบรรยายเรื่อง โครงการในพระราชดำริ ด้านอาหารและโภชนาการ นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่หาที่สุดมิได้ และหลังจากนั้นจะทรงประทับฟังการบรรยายเรื่องตามรอยพระบาทเจ้าฟ้านักโภชนาการ ในหัวข้อย่อยเรื่อง การพัฒนาโภชนาการเด็กและเยาวชนเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต โดย .เกียรติคุณ นพ.ไกรสิทธิ์ ตันติศิรินทร์ และ การควบคุมโรคขาดสารไอโอดีนอย่างยั่งยืน โดย .นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน นอกจากนั้นยังมีวิทยากรที่มีชื่อเสียงอีกหลายท่านร่วมให้ความรู้ในการประชุม

นอกจากนี้ในช่วงเย็นของการประชุมวิชาการตลอด 3 วัน จะเปิดโอกาสให้ประชาชนที่สนใจเข้าร่วมงานได้ฟรี โดยในวันแรกเป็นเรื่อง เด็กไทยแก้มใส ถวายเจ้าฟ้านักโภชนาการ ในวันที่สองเป็นเรื่อง เมนูพระราชทาน และในวันสุดท้ายเป็นเรื่อง ไขข้อข้องใจด้านโภชนาการ ซึ่งเป็นประเด็นคำถามที่ประชาชนสนใจ แต่ยังไม่ได้รับคำตอบที่แท้จริง ในวันนั้นก็จะได้มาไขข้อข้องใจกัน

ทั้งนี้คาดว่าจะมีผู้สนใจเข้าร่วมงานในภาควิชาการไม่ต่ำกว่า 2,000 คน ประกอบด้วยสมาชิกของสมาคม นักกำหนดอาหาร แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุข นักวิชาการที่เกี่ยวข้องด้านอาหารและโภชนาการ นักวิชาการด้านการเกษตรและอาหาร ครู บุคลากรด้านสุขภาพ ผู้ประกอบการด้านอาหารและโภชนาการ รวมถึงนิสิต นักศึกษา ส่วนภาคประชาชนคาดว่าจะมีผู้สนใจเข้าร่วมงานวันละไม่ต่ำกว่า 1,000 คน

“ผู้เข้าร่วมประชุมจะได้ทราบถึงพระอัจฉริยภาพ และพระมหากรุณาธิคุณที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่า ทรงริเริ่มและดำเนินโครงการต่าง ๆ ด้านอาหารและโภชนาการ ซึ่งผู้เข้าร่วมประชุมสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ได้ในการทำงานและในการดำรงชีวิตเพื่อให้เกิดสุขภาพที่ดี และเกิดการสร้างเครือข่ายในการปฏิบัติงานร่วมกัน เพื่อจะได้ช่วยพัฒนางานด้านนี้ในประเทศไทยให้ก้าวสู่สากล จึงอยากเชิญชวนให้มาเข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ ซึ่งถือเป็นการประชุมด้านอาหารและโภชนาการครั้งสำคัญยิ่งในประเทศไทย” รศ.พญ.อุมาพร กล่าวทิ้งท้าย

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 08-1701-8345 โทรสาร 0-2950-7423 E-mail: tcn.conference@gmail.com หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง www.tcn-conference.com