สวนโมกขพลาราม

สวนโมกขพลาราม

ผศ.พญ.รพีพร โรจน์แสงเรือง แพทย์เวชศาสตร์ฉุกเฉิน ศูนย์อุบัติเหตุและฉุกเฉิน
โรงพยาบาลนครธน

            เนื่องจากฉันลาหยุดได้แค่ 3 วัน จึงเกิดความคิดอยากไปสวนโมกขพลาราม หลังจากสอบถามทางวัดแล้วก็ตัดสินใจบินไปสวนโมกขพลารามเลย พอออกจากท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานีก็นั่งรถทัวร์เข้าเมืองเพื่อไปต่อรถตู้ไปยังสวนโมกขพลารามต่อไป พอไปที่แผนกประชาสัมพันธ์ของวัดเพื่อแลกบัตรประชาชนและรอรับกุญแจจากพระ ก็ได้ยินเสียงคนคุยกันว่า “ให้ไปอยู่ที่บ้านไฉไลคนเดียวเลยหรือ”

แต่เนื่องจากฉันไม่สนใจฟังเท่าไรนัก จึงรีบเร่งหอบกระเป๋าเดินไปตามหาบ้านไฉไล

บ้านไฉไลเป็นเรือนพักที่กั้นห้องด้วยฝาปูนง่าย ๆ จำนวน 20 ห้อง

ปรากฏว่า…ฉันพักอยู่คนเดียวจริง ๆ

พอดีมีแม่ชีเดินผ่านมา ฉันก็ถามเกี่ยวกับอุปกรณ์เครื่องนอนและกิจกรรมของวัด

พอฉันได้เสื่อและหมอนก็เปิดกุญแจห้องเข้าไป ก็พบว่าเป็นห้องปูนแคบ ๆ มีหน้าต่างบานพับ 1 บาน และเพดานก็เจาะรูให้แสงแดดส่องเข้ามาได้

ทั้งห้องมีเตียงนอนไม้…เป็นเฟอร์นิเจอร์เพียงชิ้นเดียว

หลังจากปัดกวาดห้องแล้วก็ปูเสื่อบนเตียง จากนั้นก็อาบน้ำเพื่อเตรียมเข้าร่วมสวดมนต์ตอนกลางคืนของวัด เกือบ 2 ทุ่มก็เสร็จพิธี ระหว่างทางเดินกลับมาบ้านมืดมาก จนต้องใช้ไฟฉายส่องตลอดทาง

คืนนั้นฉันกลับเข้ามาในห้อง ซึ่งไฟจะเปิดให้ในเวลา 18.00-22.00 น. ก็พบตุ๊กแกตัวใหญ่รออยู่ที่เพดานห้อง ฉันและตุ๊กแกต่างมองกันนิ่ง ๆ สักครู่ ในที่สุดฉันก็เริ่มทำใจได้ว่าอะไรจะเกิดก็เกิด จากนั้นก็ตัดสินใจนั่งอ่านหนังสือธรรมะไปพร้อมกับเหลียวดูตุ๊กแกบนเพดานเป็นระยะ ๆ

ทันใดนั้นก็มีไฟฉายมาส่องที่หน้าต่างห้องของฉัน เสียงหญิงฝรั่งพูดทักทายขึ้น ฉันรีบเปิดประตูไปคุย เธอบอกว่านอนที่เรือนนี้เหมือนกันแต่เป็นด้านที่เปิดหน้าต่างไปสู่ป่าและมีแสงแดดตอนเช้าส่องเข้ามาได้ ส่วนห้องของฉันนั้นทึบเกินไป แต่เนื่องจากฉันตั้งใจมาอยู่อย่างง่าย ๆ จึงไม่อยากเปลี่ยนห้องอะไร พวกเรานัดกันว่าพรุ่งนี้เที่ยงจะไปนั่งทำสมาธิกันที่ชั้น 2 ของบ้านพัก

            ฉันอ่านหนังสือจนกระทั่งผล็อยหลับไป ต่อมาก็สะดุ้งตื่นกลางดึก พบว่าไฟทั้งห้องดับมืดหมด มีเพียงแสงไฟเล็กน้อยที่ส่องลอดออกมาจากห้องน้ำด้านนอก

            ท่ามกลางความมืดที่ต้องอยู่ตามลำพัง จู่ ๆ ฉันก็รู้สึกเหนื่อยเกินกว่าจะต่อสู้กับอะไร ฉันได้แต่ปล่อยตัวไปตามสบาย และคิดแต่ว่าอะไรจะเกิดก็เกิด

            ฉันเริ่มตามดูลมหายใจและทำใจให้สงบ

            จนวูบหนึ่งฉันรู้สึก…ว่าง…ไม่มีตัวฉัน

            และในที่สุดฉันก็ผล็อยหลับไปอีกครั้ง

ตอนเช้ามืดฉันตื่นมาร่วมสวดมนต์ และพระในวัดได้เปิดเทปบรรยายธรรมะของท่านพุทธทาสให้ฟัง ท่านเทศน์ว่า ดีที่สุดซึ่งอยู่เหนือดีขึ้นไปอีกก็คือ ความว่าง ถ้าเราไม่มีตัวตนก็ไม่มีทุกข์ หรือคนเรากลัวผีก็เพราะเรายังมีตัวตน แต่ถ้าเราไม่มีตัวตนก็ไม่กลัวอะไร

ธรรมะข้อนี้ช่วยมาไขข้อข้องใจให้ฉันได้ว่า “ทำไมเมื่อคืนฉันจึงผ่านการอยู่ตามลำพังมาได้โดยไม่ทุกข์หรือกลัวมาก”

เพราะฉันไม่มีตัวตน…ฉันกลายเป็นความว่างนั่นเอง

จากนั้นฉันก็ไปทานข้าวที่ร้านอาหารด้านหน้าวัด ทั้งนี้เพราะฉันแค่ใส่เสื้อผ้าสีสุภาพมาแต่ไม่ได้นุ่งขาวห่มขาวมาจึงไม่กล้าไปทานข้าวที่โรงฉัน จากนั้นก็เดินไปดูสระน้ำนาฬิเกร์และธารน้ำไหลซึ่งปัจจุบันมีน้ำไหลน้อยมาก

            ฉันเดินดูไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งพบร้านหนังสือของวัด และได้ขนซื้อหนังสือมากองใหญ่ ก่อนจะไปร่วมนั่งทำสมาธิกับหญิงฝรั่งที่นัดกันไว้เมื่อคืน

ตอนบ่ายมีฝนตกพรำ ๆ ทำให้ฉันต้องออกมานั่งหน้าเรือนพักเพื่อดูต้นไม้ที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำฝน ท้องฟ้าหลังฝนตกหมาด ๆ ค่อนข้างร่มครึ้มและเย็นสบาย ฉันได้แต่นั่งดูความเขียวชอุ่มของใบไม้ หยดน้ำที่ไหลหยดลงมาตามกิ่งก้านของต้นไม้ พร้อมกับได้กลิ่นไอดินลอยขึ้นมาแตะจมูกอย่างไม่รู้เบื่อ

จิตช่วงนั้นของฉันนิ่งและอยากนั่งเฉย ๆ โดยไม่ต้องทำอะไรเลย เพียงแต่เฝ้าดูใบไม้ที่พัดไหวหรือกิ่งก้านที่โยกย้ายไปมาอย่างชื่นชม

จนตกเย็นก็ไปนั่งสมาธิและเข้าร่วมสวดมนต์เย็นอีกครั้ง

คืนนี้ไม่มีตุ๊กแกบนเพดานของห้องนอนอีกแล้ว

แต่คืนนี้จู่ ๆ จิตของฉันก็สับสนและอึดอัดไปหมดโดยไม่มีสาเหตุ ฉันได้แต่พยายามข่มใจด้วยการนั่งอ่านหนังสือคนเดียวท่ามกลางความเงียบไปอย่างไม่มีสมาธิ จนกระทั่งผล็อยหลับไปเอง

บรรยากาศก็เหมือนกับคืนแรก แต่ใจฉันไม่สงบเท่าคืนแรก

ฉันจึงได้เรียนรู้อีกอย่างว่า…ใจเราจะสงบหรือไม่ ล้วนขึ้นกับตนเองทั้งสิ้น

            ประสบการณ์พักค้างในสวนโมกข์ครั้งแรกนี้ทำให้ฉันได้เรียนรู้หลายอย่าง

            การที่ฉันผ่านการอยู่คนเดียวท่ามกลางความมืดมาได้ เพราะฉันคิดอะไรไม่ออกได้แต่ปล่อยตัวไปตามสภาพว่าอะไรจะเกิดก็เกิด แต่ในที่สุดก็พบเองว่าไม่มีอะไร

            พอเราไม่คิดอะไร ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

พอเราว่าง อะไรจะเกิดขึ้นก็ไม่โดนตัวเรา เพราะเราเป็นความว่างเสียแล้ว

รวมทั้งได้เรียนรู้ว่า เราจะสงบหรือไม่ก็ล้วนขึ้นกับตนเอง…ไม่ใช่จากสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้เพราะบรรยากาศในวันที่ 2 ก็เหมือนเดิม แต่ใจฉันไม่รู้สึกสงบนิ่งเหมือนวันแรก