การบัญชาเหตุการณ์
ผศ.พญ.รพีพร โรจน์แสงเรือง ภาควิชาเวชศาสตร์ฉุกเฉิน คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
เมื่อเร็ว ๆ นี้ กระทรวงสาธารณสุขได้จัดอบรมเรื่องที่แน่ชัด ร่างคำพูดที่เหมาะสมและให้ผู้ที่ได้รับมอบหมายออกข่าวซึ่งมีเรื่องราวน่าสนใจมากมาย โดยได้เชิญวิทยากรผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์มาบรรยายด้วยกันหลายท่าน
ประเทศไทยเป็นประเทศที่สงบและไม่เคยต้องผจญกับภัยธรรมชาติมานานแสนนาน แต่หลังจากเกิดภัยสึนามิครั้งใหญ่ในมหาสมุทรอินเดียเมื่อปี พ.ศ. 2547 ซึ่งนับเป็นหนึ่งในภัยธรรมชาติครั้งที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ โดยมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 230,000 คนใน 14 ประเทศที่ติดกับมหาสมุทรอินเดีย สำหรับภัยพิบัติในครั้งนั้นส่งผลกระทบต่อจังหวัดภูเก็ตเป็นอย่างมาก ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างภายในจังหวัด และทำให้ประเทศไทยตื่นตัวกับเรื่องภัยพิบัติกันอย่างแพร่หลาย
นับจากนั้นเป็นต้นมาประเทศไทยก็เริ่มประสบกับภัยธรรมชาติ เช่น แผ่นดินไหวหรือดินโคลนถล่มกันอีกหลายครั้ง ถึงแม้ไม่มีอันตรายร้ายแรงดังเช่นภัยสึนามิในปี พ.ศ. 2547 แต่ก็ทำให้มีการพัฒนาองค์ความรู้ด้านตอบโต้ภัยพิบัติเกิดขึ้นอย่างมากมายในประเทศไทย
นอกจากภัยธรรมชาติแล้วยังมีภัยจากสงคราม โดยที่วินาศกรรมคือภัยสงครามที่ผู้กระทำหวังว่าตนเองจะได้กลับ แต่การก่อการร้ายคือภัยสงครามที่ผู้กระทำหวังพลีชีพไปในเหตุการณ์นั้น ๆ
การอบรมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสอนหลักการบัญชาเหตุการณ์ต่าง ๆ ในยามเกิดภัยพิบัติ แต่ฉันคิดว่ามีหลักการบริหารหลายอย่างที่สามารถนำไปปรับใช้กับการบริหารงานต่าง ๆ ในยามปกติได้ด้วยเช่นกัน
การบัญชาการเหตุการณ์ หรือที่เรียกกันว่า Incident Command System คือระบบจัดองค์กรสำหรับการบังคับบัญชา (command) การควบคุม (control) และการประสานงาน (coordination) เพื่อตอบสนองต่อการที่หน่วยงานหลาย ๆ หน่วยมาร่วมปฏิบัติงานในสถานการณ์จำเพาะเพื่อระงับสถานการณ์ ปกป้องชีวิต ทรัพย์สิน และสิ่งแวดล้อม
ภารกิจประกอบด้วย 5 หน่วยหลัก คือ
Command – เราต้องทำอะไร
Planning – ขณะนี้เกิดอะไรขึ้น อะไรเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องทำ
Operation – มีการตอบโต้เหตุปฏิบัติการอย่างไร
Logistics – เราสนับสนุนอย่างไร
Finance/administration – เราจะบันทึกและใครเป็นผู้จ่ายค่าดำเนินการ
นอกจากนี้ในกลุ่มที่อยู่ในศูนย์บัญชาการยังประกอบด้วย หน่วยรักษาความปลอดภัย (Safety) หน่วยสื่อสารสู่สาธารณะ (Public Information) และหน่วยประสานงาน (Liaison)
สรุปหน้าที่ของการบัญชาการคือ กระจายงานว่า ใครทำ ใครช่วย ใครจ่าย ใครพูด
นอกจากนี้ผู้บัญชาการควรมีการประสานงาน ดังนี้
บน – รายงานเจ้านาย
ล่าง – สั่งการลูกน้อง
ขวา – ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ดับเพลิง ตำรวจ
ซ้าย – ประสานโรงพยาบาลใกล้เคียง
ผู้บัญชาการควรให้กำลังใจลูกน้อง เช่น ตบบ่า หรือพูดว่าผมไว้ใจคุณเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจในการทำงาน นอกจากนี้ควรมีลูกน้องอยู่สายงานประมาณ 2-7คน (เฉลี่ยประมาณ 5 คน) เพื่อให้สายบัญชาการกระจายงานได้ทั่วถึง และลูกน้องแต่ละสายงานก็สร้างทีมของตนเองเพื่อสั่งการประมาณ 2-7 คน เป็นเช่นนี้ต่อ ๆ กันไปจึงจะทำให้สายงานบังคับบัญชาได้ทั่วถึง
คำที่ควรใช้สื่อสารกับลูกน้อง
การทำงานในการตอบโต้กับภัยพิบัตินั้น เราต้องปฏิบัติดังนี้อย่างเคร่งครัด
1. ทุกคนมีเจ้านายคนเดียว แต่ไม่ใช่ทุกคนที่มีเจ้านายคนเดียวกัน
นั่นคือ ในสาธารณภัยที่จุดเกิดเหตุก็ต้องเชื่อฟังเจ้านายในจุดนั้น และในโรงพยาบาลก็ต้องเชื่อเจ้านายที่อยู่ในโรงพยาบาล
2. ทำตามที่นายสั่ง
เพราะถ้าไม่ปฏิบัติตามที่สั่งก็ย่อมไม่สามารถทำงานเป็นทีมได้
เป้าประสงค์ของระบบบัญชาการคือ ปลอดภัย สำเร็จ และประหยัด
การทำงานนั้น ถ้า - ระงับเหตุไม่ได้ ช่วยชีวิตคนไม่ได้ ภาพออกมาแย่ : งานห่วย
- ระงับเหตุไม่ได้ ช่วยชีวิตคนไม่ได้ ภาพออกมาดี : งานดี
- ระงับเหตุได้ ช่วยชีวิตคนได้ดี ภาพออกมาแย่ : งานแย่
- ระงับเหตุได้ ช่วยชีวิตคนได้ดี ภาพออกมาดี : สุดยอดปรารถนา
ดังนั้น ถึงแม้เราจะทำการระงับเหตุได้ดี ช่วยเหลือรักษาผู้บาดเจ็บได้ดี แต่แถลงข่าวไม่เป็นก็ทำให้ภาพการทำงานทั้งหมดแย่ตามไปด้วย
ดังนั้น การแถลงข่าวจึงเป็นเรื่องสำคัญ
หลายครั้งนักข่าวจากหลายสำนักมักแย่งกันหาข่าวเพื่อต้องการรายงานเป็นรายแรก
เราควรขอรายชื่อ เบอร์โทรศัพท์และเบอร์แฟกซ์เอาไว้เพื่อขอเวลารวบรวมและติดต่อกลับไปใน 15-30 นาที ทั้งนี้เพื่อมีเวลารวบรวมข้อมูลที่แน่ชัด ร่างคำพูดที่เหมาะสมและให้ผู้ที่ได้รับมอบหมายออกข่าว หลังจากนั้นก็พิมพ์ทีเดียวพร้อมกระจายไปยังสำนักข่าวทุกแห่งพร้อมกันทำให้ข่าวนั้นไม่ผิดเพี้ยน ก็จะทำให้ภาพการทำงานทั้งหมดถูกสื่อออกไปได้ดี
ถ้ามีการแถลงข่าวต่อหน้าสื่อมวลชนก็ควรเริ่มด้วยการทักทายนักข่าวให้มากที่สุดเพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดี ก็จะทำให้ผู้สื่อข่าวทั้งหลายออมมือในการซักถามได้
การฝึกปฏิบัติตอบโต้ภัยพิบัติเพื่อให้เกิดความเข้าใจอาจทำได้หลายแบบ ดังนี้
ฝึกปฏิบัติ (Exercise)
Table Top Exercise
Live Exercise
Table top
นำแผนและแนวทางการดำเนินการของแต่ละหน่วยงานมาร่วมกันฝึกบนสถานการณ์จำลองบนโต๊ะ
Drill
ฝึกความชำนาญของแต่ละหน้าที่
Functional
นำแผนมาลองปฏิบัติว่าใช้งานได้จริงไหม
Full Scale
ซ้อมแผนและแนวปฏิบัติที่มีอยู่ในสถานการณ์จำลองเหมือนจริง
- Table top exercise
- Drill
- Functional exercise
- Full scale
สรุป ลักษณะผู้บริหาร แบ่งเป็น