Nebulization therapy
รศ.พญ.จรุงจิตร์ งามไพบูลย์ หัวหน้าหน่วยโรคภูมิแพ้ และอิมมูนวิทยา ฝ่ายกุมารเวชศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
Indication
1. ให้ความชื้นร่วมกับอากาศ หรือ O2 ที่หายใจเข้าไปในทางเดินหายใจ
2. ให้ยาเข้าไปในทางเดินหายใจเพื่อรักษาโรคในปอดและหลอดลมโดยตรง
3. ให้น้ำเข้าไปในปอดและทางเดินหายใจ เพื่อช่วยในการทำกายภาพบำบัดของทรวงอก (Chest Physical therapy)
Contraindication
- ห้ามใช้น้ำกลั่น (Distilled water) เป็นตัวผสมกับยาที่จะใช้พ่น
อุปกรณ์
- Medicated nebulizer
- สาย O2
- mask
- drug, NSS
- syringe
Method
การให้ aerosol ด้วยวิธีนี้ แม้แต่ในผู้ป่วยที่ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่จำนวนยาเพียง 9-12 เปอร์เซ็นต์ของยาที่ใส่ในกระเปาะเท่านั้นที่เข้าสู่ปอด ส่วนใหญ่จะค้างอยู่ในกระเปาะ หรือพ่นออกสู่บรรยากาศภายนอก การให้โดย face mask ควรจับหรือยึดให้ face mask อยู่ชิดกับหน้ามากที่สุด เพราะถ้า face mask ห่างจากใบหน้าเพียง 2 ซม. จำนวน aerosol ของยาที่จะเข้าสู่ปอดจะลดลงไปถึง 85 เปอร์เซ็นต์
อนึ่ง การใช้อุปกรณ์ nebulizer ควรสังเกตลักษณะ aerosol ที่เกิดขึ้นทุกครั้ง บางครั้งกระเปาะยาที่ใช้หลายครั้งอาจมีการรั่วซึม หรือละอองยาดูขนาดไม่ละเอียดเท่าที่ควร หรืออัตราการพ่นเป็น aerosol ลดลง ต้องเปลี่ยนกระเปาะยาใหม่ นอกจากการตรวจกระเปาะยาแล้ว ควรตรวจสภาพของเครื่องพ่นยา หรือ flowmeter เพราะเครื่องมือที่ใช้เป็นเวลานานอาจชำรุด แรงอัดอากาศลดลง หรืออัตราไหลของแก๊สลดลง ทั้ง ๆ ที่หมุนตั้งไว้ที่ตำแหน่งเดิม ข้อผิดพลาดเหล่านี้อาจเป็นผลให้การรักษาไม่ดีเท่าที่ควร แม้ว่าจะให้ยาที่ถูกต้องแล้วก็ตาม
ข้อดีของการรักษาโดยใช้สูดฝอยละอองยาโดยผ่านทาง nebulizer ได้แก่
1. วิธีใช้ง่าย สะดวก ไม่ต้องอาศัยความร่วมมือจากผู้ป่วย สามารถใช้ในผู้ป่วยทุกกลุ่มอายุตั้งแต่เด็กทารกจนถึงผู้ใหญ่ ใช้ได้ทั้งผู้ป่วยอาการรุนแรงในไอซียู จนกระทั่งถึงการรักษาที่บ้าน
2. สามารถให้ออกซิเจนแก่ผู้ป่วยอย่างต่อเนื่องได้ตลอดขณะพ่นยา
3. ส่วนผสมที่เป็นน้ำเกลือจะมีส่วนช่วยให้ความชุ่มชื้นแก่ทางเดินหายใจ ซึ่งจะทำให้ความเหนียวของเสมหะน้อยลงได้
4. สามารถใช้ได้กับผู้ป่วยที่มีท่อหลอดลมคอและไม่หายใจเองโดยต่อกับ resuscitation bag หรือเครื่องช่วยหายใจ
5. สามารถผสมยา 2 ชนิดพร้อมกันได้ในขณะเดียวกัน เช่น salbutamol กับ sodium cromoglycate เป็นต้น
ข้อเสีย ได้แก่
1. เครื่องมือมีราคาแพง
2. เครื่องพ่นยาหรือแท็งก์แก๊สมีขนาดใหญ่ขนย้ายไม่สะดวก พกติดตัวไม่ได้
3. ใช้เวลาในการพ่นยาแต่ละครั้งค่อนข้างนานประมาณ 5-15 นาที
4. มีโอกาสเกิด contamination มากกว่าวิธีอื่น โดยเฉพาะถ้าต้องล้างกระเปาะเพื่อนำมาใช้ใหม่ หรือต้องผสมน้ำเกลือกับยาก่อนพ่นทุกครั้ง
5. ขนาดยาที่ใช้แต่ละครั้งสูงกว่าและราคาแพงกว่าที่ให้โดยวิธีอื่น
ยาที่ใช้ในการบำบัดรักษาด้วยฝอยละออง
1. Decongestant
2. Bronchodilators
3. Mucolytics
4. Anti-inflammatory drug
5. Antimicrobial agents
Complication
- Preservative ในยาที่ใช้
- ยาละลายเสมหะและยาต้านจุลชีพอาจทำให้เกิด bronchospasm ได้
- ยาขยายหลอดลมในบางราย
- Anticholinergic aerosol ถ้าใช้นาน ๆ อาจทำให้เกิด glaucoma ในผู้ป่วยที่มี anterior chamber ตื้นอยู่แล้วได้
- การใช้ยา β-agonists ขนาดสูง ๆ อาจทำให้มี cardiac arrythmia ได้
- ควรใช้ O2 ในการพ่นยาขยายหลอดลมในเด็กที่มีอาการหอบมาก ๆ เพื่อป้องกันภาวะ hypoxia เพราะขณะพ่นยาอาจทำให้เกิด ventilation-perfusion mismatch มากขึ้น