เรื่องเล็กน้อย

เรื่องเล็กน้อย

ผศ.พญ.รพีพร โรจน์แสงเรือง  แพทย์เวชศาสตร์ฉุกเฉิน

ในบางครั้ง…บางเรื่องที่เล็กน้อยก็อาจสื่อถึงบางสิ่งที่สำคัญได้

ครั้งหนึ่งมีแพทย์ท่านหนึ่งมาสมัครเรียนแพทย์ประจำบ้านสาขาวิชาเวชศาสตร์ฉุกเฉิน เขาต้องการทราบว่าวิชาเวชศาสตร์ฉุกเฉินนี้เป็นอย่างไร ดังนั้น ฉันจึงแนะนำให้เขาเดินไปท้ายโรงพยาบาลกับฉันเพื่อไปดูห้องปฏิบัติการ ซึ่งในวันนั้นมีการจัดสอนทำหัตถการขึ้นพอดี

ปกติฉันมักขนกระเป๋าและอุปกรณ์ติดตัวไปมากมาย ในขณะที่เขาเดินไปกับฉันนั้น เขาหิ้วกระเป๋าใบเล็ก ๆ เพียงใบเดียว แต่ฉันซึ่งเป็นผู้หญิงทั้งแบกเป้และหิ้วกระเป๋าคอมพิวเตอร์ใบใหญ่ไปด้วยจนเต็มทั้งสองมือ

ระหว่างทางเขาเฝ้าแต่ชวนฉันคุยเพื่อซักถามเกี่ยวกับสาขาวิชานี้ด้วยความสนใจเป็นอย่างมาก

ในช่วงเวลาสั้น ๆ ที่ได้พูดคุยกับเขา ทำให้ฉันเข้าใจเขาได้ดีกว่าการเปิดห้องสัมภาษณ์เพื่อรับสมัครเรียนเสียอีก

ฉันตัดสินใจไม่รับเขาเพื่อเข้าเรียนแพทย์ประจำบ้านสาขานี้

ทั้งนี้เพราะช่วงเวลาเดินไปด้วยกันนั้นสั้นมาก ถ้าเพียงแต่เขาแสดงน้ำใจในการช่วยเหลือก็จะทำให้ฉันเห็นความดีในตัวตนของเขา มันเป็นการทดสอบเล็ก ๆ ให้เห็นบางอย่างในตัวเขา ซึ่งยืนยันได้มากกว่าคำพูดของเขาที่ว่า…เขาเป็นคนดี

การทำงานในสาขาเวชศาสตร์ฉุกเฉินนั้นต้องร่วมงานกับผู้คนหลากหลายทั้งพยาบาล แพทย์เฉพาะทาง บุคลากรประจำศูนย์รถพยาบาล ตลอดจนอาสาสมัครกู้ชีพต่าง ๆ ซึ่งการมีน้ำใจช่วยเหลือกันเป็นเสน่ห์หนึ่งที่ช่วยให้เราร่วมงานกันได้ง่ายขึ้น

บางครั้งเรื่องเล็ก ๆ ก็พิสูจน์ให้เห็นอะไรบางอย่างที่ลึกซึ้งได้

ในการทำงานร่วมกับอาจารย์แพทย์ท่านหนึ่ง เนื่องจากเขาทำงานเร็วมาก ทำให้หลายครั้งเกิดความผิดพลาดขึ้นบ่อยครั้งจนทำให้ฉันรู้สึกโมโหอยู่บ่อย ๆ

แต่มีคนบอกว่าในก้นบึ้งแล้วเขาเป็นคนดีพอสมควร

ฉันถามด้วยความสงสัยว่า “อะไรที่บอกว่าเขาดี”

หลังกิจกรรมวิชาการของแต่ละวัน หลายครั้งมีอาหารกลางวันหรืออาหารว่างที่ถูกสั่งมามากเกินจำนวนคนเข้าประชุม

“ถ้าเป็นหมอแล้ว หมอจะทำอย่างไร?”

“อ๋อ ก็ให้แพทย์ประจำบ้านเก็บไปกินกันตอนเย็นอีกทีสิคะ จะได้ไม่เสียของ” ฉันตอบอย่างเคยชิน

“แต่แพทย์ประจำบ้านก็มีกินเหลือเฟือแล้ว หลายครั้งพวกเขามักทิ้งอาหารไว้อย่างนั้น ซึ่งล้วนแต่เป็นอาหารชั้นดี บางทีก็มาจากภัตตาคารอาหารญี่ปุ่นที่มีชื่อดัง ๆ”

“ปรากฏว่าอาจารย์แพทย์ท่านนี้เก็บอาหารเหล่านั้นแล้วนำไปให้แม่บ้านที่มาทำความสะอาดห้อง…..อาจารย์คิดว่าเขาให้เพื่อหวังผลอะไรไหมคะ”

ฉันเริ่มอ้ำอึ้ง “เอ้อ ก็คงไม่หวังผลอะไรหรอกค่ะ”

“ใช่ค่ะ แล้วอาจารย์คิดว่าเขาให้แม่บ้านเพราะอะไร มันนับเป็นการให้ที่ไม่หวังผลได้ไหมคะ”

ฉันได้แต่อ้ำอึ้งและต้องยอมรับไปโดยสดุดีว่า…ก้นบึ้งเขาก็เป็นคนดีคนหนึ่ง เพราะได้กระทำดีโดยไม่หวังผลตอบแทน

ครั้งหนึ่งฉันมีโอกาสเข้าร่วมในการอบรมจิตตปัญญาศึกษา ซึ่งเป็นการรวบรวมผู้บริหารจากโรงพยาบาลในประเทศไทยจำนวนหนึ่งมาประชุมร่วมกัน…มีทั้งแพทย์ผู้อำนวยการโรงพยาบาลต่าง ๆ แพทย์อาวุโส และพยาบาลที่อยู่ในตำแหน่งบริหารต่าง ๆ

มีแพทย์รายหนึ่งที่มาร่วมประชุมมักชอบพูดจาโอ้อวดและชอบกินเหล้า ทำให้ฉันไม่ค่อยชอบขี้หน้าของเขาเลย

อยู่มาวันหนึ่งอาจารย์ได้นำพานดอกไม้มาวางไว้กลางวงล้อมของพวกเราที่นั่งพับเพียบกับพื้นห้อง จากนั้นก็แจ้งให้แต่ละคนคลานเข่าเข้าไปหยิบดอกไม้ออกจากถาดแล้วนำมาถือไว้คนละดอกเพื่อพินิจพิจารณาดอกไม้ของตนเอง

ระหว่างที่คลานไปหยิบดอกไม้นั้น ปรากฏว่ามีอยู่คนหนึ่งเกิดคว้าดอกไม้ออกมาแล้วทำให้ดอกไม้อื่น ๆ ที่พันกันอยู่ในถาดหล่นออกมานอกถาดระเกะระกะอยู่ที่พื้นประมาณ 4-5 ดอก

หลังจากนั้นพบว่าคนถัดไปยังคงทยอยเข้าไปหยิบดอกไม้ออกมาทีละคน แต่ไม่มีใครสนใจหยิบดอกไม้ที่ตกออกมานอกถาดคืนกลับเข้าไปในถาดเลย

ในเวลาต่อมาก็ถึงคิวของแพทย์คนที่ฉันไม่ชอบหน้าได้คลานออกไปเพื่อหยิบดอกไม้ ปรากฏว่าเขาค่อย ๆบรรจงเก็บดอกไม้ที่หล่นตามพื้นคืนกลับใส่ถาดทีละดอกทีละดอกจนหมด จากนั้นจึงค่อยเลือกหยิบดอกไม้ของตนออกมาถือไว้เพียงดอกเดียวพร้อมกับคลานกลับออกมา

ทำให้ฉันรู้สึกประหลาดใจและทึ่งในความละเอียดอ่อนในจิตใจของเขามาก

การเลือกหยิบดอกไม้คืนใส่ถาดแสดงถึงการใส่ใจในการทำเพื่อส่วนรวม ทำให้ฉันรู้สึกดีกับเขาขึ้นมาโดยทันที

ท้ายชั่วโมง อาจารย์ผู้สอนก็ให้ทุกคนเฝ้าพินิจพิจารณาดอกไม้ในมือของตนสักพัก แล้วอาจารย์ก็แจ้งให้ทุกคนทำการขยี้ดอกไม้ในมือของตนเองทิ้งเสีย

หลายคนทำใจไม่ได้ ถึงกับบ่นออกมาดัง ๆ ว่า

“เราทำไม่ลง เรารู้สึกว่าดอกไม้เป็นของเราและรู้สึกผูกพันกับมันแล้ว”

หลังการอบรมครั้งนี้ อาจารย์ให้ทุกคนช่วยกันสรุปแลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่อกัน ซึ่งต่างก็สรุปออกมาเป็นเสียงเดียวกันว่า…ทุกสิ่งไม่จีรัง มีมาแล้วก็มีไปอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น จึงไม่ควรยึดติดกับสิ่งใด

ทันใดนั้นก็มีผู้ร่วมประชุมรายหนึ่งพูดถึงเหตุการณ์ที่แพทย์ท่านนั้นเก็บดอกไม้ที่หล่นออกมาคืนกลับสู่ถาด

“ดอกไม้หล่นออกมานอกถาดอยู่นานมาก จนกระทั่งถึงคิวของคุณธวัช ซึ่งเขาค่อย ๆ บรรจงเก็บดอกไม้คืนกลับบนถาดอย่างเบามือ ทำให้รู้สึกประทับใจในการรู้จักให้และกระทำเพื่อส่วนรวม”

ฉันรู้สึกประหลาดใจมาก…นึกว่าเรื่องเล็กน้อยแบบนี้จะมีฉันเห็นอยู่ผู้เดียว แต่ปรากฏว่ามีอีกหลายคนในกลุ่มพากันพยักหน้าอย่างเห็นพ้องขึ้นมาพร้อมกัน อันแสดงว่ายังมีอีกหลายคนก็แอบเห็นการกระทำเล็ก ๆ นี้ด้วย จนเกิดเป็นความประทับใจขึ้นมาเช่นกัน

ในคนแต่ละคนมีหลายแง่มุม…ทั้งดีและไม่ดีปะปนกัน…เราเพียงมองหาแง่มุมด้านดีของเขาก็จะทำให้เราอยู่ร่วมกันได้ด้วยดี

ซึ่งบางครั้งแง่มุมด้านดี…อาจซ่อนอยู่ในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ