เลือดออกจากระบบทางเดินอาหาร

เลือดออกจากระบบทางเดินอาหาร

ผู้ที่มีเลือดออกจากระบบทางเดินอาหารอาจมาด้วยอาการอาเจียนเป็นเลือดสีแดง หรืออาเจียนออกมาเป็น “coffee ground” หรือคล้าย ๆ “เมล็ดกาแฟที่ถูกบดแล้ว” หรือถ่ายเป็นเลือดแดง หรือสีแดงม่วงเข้มอมน้ำตาล หรือถ่ายอุจจาระเป็นสีดำ ถ้ามีเลือดออกน้อยอาจจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงของสีอุจจาระ แต่ถ้าตรวจอุจจาระทางห้องทดลองอาจพบเลือดได้ หรือผู้ป่วยอาจมีอาการของโรคโลหิตจาง (จากการที่มีเลือดออกทีละเล็กละน้อย)

ฉะนั้นผู้ที่ถ่ายออกมามีสีดำ (หรือแดง) หรืออาเจียนออกมาคล้าย ๆ เมล็ดกาแฟบด (หรือแดง) ควรรีบไปโรงพยาบาลโดยด่วน

สาเหตุต่าง ๆ ของการที่มีเลือดออกจากระบบทางเดินอาหารส่วนบน (คืออาเจียนเป็นเลือดสีแดง หรือ “ดำ” หรือถ่ายดำ หรือแดงในบางครั้ง) คือโรคแผลเปปติก ซึ่งเป็นสาเหตุประมาณ 50% ส่วนใหญ่แผลเปปติกเกิดจากการรับประทานยา NSAIDs ที่มีชื่อเต็มว่า non-steroidal anti-inflammatory drugs (NSAID) เป็นยาแก้ปวด แก้อักเสบที่ใช้กันแพร่หลายมากที่สุดในโลก NSAIDs มีภาวะแทรกซ้อนได้คือ ทำให้ระบบทางเดินอาหารเป็นแผล เลือดออก อวัยวะทะลุและอุดตัน รวมทั้งมีอาการปวดท้องได้

papaz büyüsü aşk büyüsü bağlama büyüsü 2 player games

ฉะนั้น การใช้ยา NSAIDs จึงต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง ต้องพิจารณาข้อดีและข้อเสียของการใช้ยา (รวมไปถึงการใช้ยาทุกตัว รวมทั้งวิตามิน อาหารเสริม สมุนไพร ยาไทย ยาจีนด้วย) สาเหตุอีกอันหนึ่งที่ทำให้ระบบทางเดินอาหาร โดยเฉพาะกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนบนมีแผลและเลือดออกได้คือ เชื้อโรค Helicobacter pylori (หรือที่เรียกกันย่อ ๆ ว่า Hp.) เชื้อโรคตัวนี้ได้ถูกค้นพบในปี ค.ศ. 1982 ที่กรุง Perth เมืองทางทิศตะวันตกของประเทศออสเตรเลีย โดยคุณหมอ Warren (พยาธิแพทย์) และ Barry Marshall (อายุรแพทย์ระบบทางเดินอาหาร) เชื้อโรคตัวนี้เปลี่ยนแปลงความรู้ทางด้านแผลเปปติกเป็นอย่างมาก จนกระทั่งแพทย์ทั้ง 2 ท่านที่ค้นพบเชื้อโรคตัวนี้ต่อมาได้รับรางวัล Nobel เชื้อโรคตัวนี้เป็นที่ยอมรับจากองค์การอนามัยโลกแล้วว่าทำให้กระเพาะอาหารอักเสบ มีแผล มีเลือดออก และเป็นมะเร็งได้ อุบัติการณ์ของเชื้อโรคในโลกนี้มีถึงประมาณ 50% ของประชากรทั้งหมดในโลก แต่ปัจจุบันนี้อุบัติการณ์กำลังลดลงเรื่อย ๆ ถ้าผู้ป่วยปวดท้องมาโรงพยาบาลและแพทย์ตรวจพบแผล และพบเชื้อโรค Helicobacter pylori การกำจัดเชื้อโรคนี้ได้จะทำให้แผลเปปติกหายขาด (แต่ยังอาจมีแผลได้จากการรับประทานยา NSAID) สมัยก่อนที่แพทย์จะทราบเกี่ยวกับเชื้อโรค Hp. แพทย์มักให้ยาลดการผลิตกรด ซึ่งจะทำให้แผลหายได้หลังรับประทานยา 4-12 สัปดาห์ และเมื่อหยุดยา (แต่ยังมีเชื้อโรค) แผลก็จะกลับมาอีก รักษาอีกก็หาย พอหยุดยาก็เป็นอีก ฯลฯ แต่หลังจากได้ค้นพบเชื้อโรค Hp. และถ้ากำจัดเชื้อได้ แผลเปปติกจะหายขาด (จากสาเหตุนี้)

สาเหตุอื่น ๆ ของการที่มีเลือดออกจากระบบทางเดินอาหารส่วนบนคือ จากหลอดเลือดที่โป่งพองบริเวณรอยต่อระหว่างหลอดอาหารและกระเพาะอาหาร (varices) ที่เกิดจากโรคตับแข็ง (cirrhosis) และหลอดเลือดนี้แตก ซึ่งมีอันตรายมาก อุบัติการณ์ของการที่มีเลือดออกจาก varices นี้พบได้ประมาณ 6-39% แล้ว แต่อยู่ในประเทศไหน ถ้าเป็นประเทศที่มีโรคตับแข็งมาก อุบัติการณ์ก็จะสูง นอกจากนั้นอาจเกิดจาก Mallory weiss tear หรือการฉีกขาดของเยื่อบุของหลอดอาหาร หรือกระเพาะอาหาร เนื่องมาจากมีอาการอาเจียนอย่างรุนแรง สาเหตุอื่น ๆ คือ หลอดอาหารอักเสบ (เช่น จากโรคกรดไหลย้อน) จากเนื้องอก หรือจากความผิดปกติของหลอดเลือด (vascular ectasia) ฯลฯ

วิธีที่ดีที่สุดก็คือ การป้องกัน โรคที่ป้องกันได้คือ โรคที่เกิดจากการรับประทานยา NSAID และโรคตับแข็ง ถ้าไม่จำเป็นอย่าไปรับประทานยา NSAID โดยเฉพาะอย่างยิ่งการซื้อยารับประทานเอง พยายามไม่เป็นโรคตับแข็ง ซึ่งมีสาเหตุใหญ่ ๆ อยู่ 4 สาเหตุคือ อ้วนเกินไป (ทำให้เป็นตับแข็ง มะเร็งตับได้) ดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป จากเชื้อไวรัสตับอักเสบบีและซี ซึ่งติดต่อได้จากแม่ตอนเกิด (แต่เชื้อไวรัสตับอักเสบบีมีวัคซีนป้องกันแล้ว ส่วนเชื้อไวรัสตับอักเสบซียังไม่มีวัคซีน แต่ลูกได้รับเชื้อจากแม่ได้ มักไม่เกิน 8%) และจากการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัยกับผู้ที่มีเชื้อ และจากการใช้เข็มฉีดยาที่มีเชื้อ เช่น จากการใช้เข็มฉีดยาร่วมกันในกลุ่มผู้ใช้ยาเสพติดที่ใช้เข็มสกปรก