อาการ Delirium จากยาปฏิชีวนะ

อาการ Delirium จากยาปฏิชีวนะ

            โดยทั่วไปแล้วอาการข้างเคียงไม่พึงประสงค์ทางระบบประสาทที่เกิดขึ้นจากยาปฏิชีวนะนั้น เป็นภาวะที่พบได้ไม่บ่อยนัก แต่อุบัติการณ์จะมากขึ้นในผู้ป่วยที่อยู่ในภาวะวิกฤติจากสาเหตุต่าง ๆ ซึ่งอาจพบได้มากถึง 15% เลยทีเดียว Sharmk Bhattacharyya และคณะจาก Harvard Medical School รัฐ Massachusetts จึงได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับปัญหานี้เพิ่มเติม โดยรวบรวมข้อมูลตั้งแต่ปี ค.ศ. 1946-2013 จากผู้ป่วยที่มีอาการหลงเพ้อ ระดับความรู้สึกตัวหรือสติเปลี่ยนแปลงหลังจากมีการเริ่มใช้ยาปฏิชีวนะ และดีขึ้นภายหลังจากหยุดยา มาวิเคราะห์หาความสัมพันธ์ระหว่างยากับความผิดปกติด้วย Naranjo Adverse Drug Reaction Probability Scale ข้อมูลที่รวบรวมได้นั้นมาจากผู้ป่วยชาย 54% และมีการใช้ยาปฏิชีวนะชนิดต่าง ๆ รวม 54 ชนิด จาก 12 กลุ่ม

ผลการวิเคราะห์ข้อมูลจากการศึกษาดังกล่าว ทำให้สามารถแบ่งกลุ่มของผู้ป่วยที่มีความผิดปกติทางระบบประสาทหลังจากการใช้ยาปฏิชีวนะ (antibiotic-associated encephalopathy: AAE) ได้เป็น 3 แบบคือ

  • Type 1 AAE มีความสัมพันธ์กับการใช้ยาในกลุ่ม penicillin และ cephalosporins มีลักษณะทางคลินิกที่สำคัญคือ อาการกล้ามเนื้อกระตุกแบบ myoclonus หรืออาการชัก (seizure) ซึ่งมักจะเกิดขึ้นภายในไม่กี่วันหลังจากเริ่มใช้ยา เมื่อทำการตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง (electroencephalogram: EEG) จะพบความผิดปกติ แต่ไม่พบความผิดปกติเมื่อทำการตรวจด้วย magnetic resonance imaging (MRI) อาการเหล่านี้จะหายไปภายในไม่กี่วันหลังจากหยุดยา ผู้ป่วยที่มีปัญหาการทำงานของไตผิดปกติจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะนี้มากกว่ากลุ่มอื่น สำหรับกลไกในการเกิดภาวะนี้คาดว่าน่าจะมาจากการรบกวนการนำกระแสประสาทส่วนที่เป็น inhibitory synaptic transmission ซึ่งมีผลทำให้สมองมีการกระตุ้นเพิ่มมากกว่าปกติ
  • Type 2 AAE มีความสัมพันธ์กับยาในกลุ่ม procaine penicillin, sulfonamides, fluoroquinolones และ macrolides อาการที่มักพบจากยาในกลุ่มนี้ ได้แก่ อาการ psychosis แต่ส่วนน้อยอาจมีอาการชักได้ซึ่งจะพบภายในไม่กี่วันหลังจากเริ่มใช้ยา ผู้ป่วยเหล่านี้มักไม่พบความผิดปกติจากการตรวจ EEG หรือ MRI และมักจะหายไปหลังจากหยุดยาแล้ว ความผิดปกติชนิดนี้มีความคล้ายคลึงกับ drug-induced psychotic syndromes จาก cocaine, amphetamine และ phencyclidine โดยมีความเกี่ยวข้องกับความผิดปกติของ D2 dopamine และ NMDA glutamate receptors
  • Type 3 AAE มีความสัมพันธ์กับการใช้ยา metronidazole ความผิดปกติชนิดนี้มักเกิดขึ้นหลังจากใช้ยาไปแล้วนานหลายสัปดาห์ อาการที่มักพบเป็นอาการที่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติของการทำงานในสมองส่วน cerebellum และมักจะไม่พบมีอาการชักหรือความผิดปกติเมื่อทำการตรวจ EEG เมื่อทำการตรวจด้วย MRI จะพบลักษณะของ signal abnormalities ที่บริเวณ cerebellar dentate nuclei, dorsal brainstem หรือส่วน splenium ของ corpus callosum

            cefipime