ผู้สูงอายุควรได้รับการเสริมวิตามินดี

ผู้สูงอายุควรได้รับการเสริมวิตามินดี

Medscape Medical News: ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับโรคกระดูกพรุนในผู้สูงอายุ Framingham Osteoporosis Study (FOS) บ่งชี้ว่า สำหรับในผู้สูงอายุ การบริโภคอาหารจำพวกนมอย่างสม่ำเสมอสามารถช่วยรักษาความหนาแน่นของกระดูกได้ แต่จำเป็นต้องมีการเสริมวิตามินดีร่วมด้วยเสมอ

เป็นที่คาดการณ์ว่าปัจจุบันในประเทศสหรัฐอเมริกามีผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป และเป็นโรคกระดูกพรุนมากถึง 10 ล้านคน ผู้สูงอายุเหล่านี้มีความเสี่ยงต่อการเกิดกระดูกหักเมื่อหกล้ม จึงมีคำแนะนำให้กลุ่มผู้สูงอายุเหล่านี้รับประทานอาหารจำพวกนมเสริมเป็นประจำ เนื่องจากมีหลักฐานการวิจัยก่อนหน้านี้ว่า การเสริมอาหารจำพวกนมนั้นมีส่วนช่วยทำให้มวลกระดูกคงความหนาแน่นเอาไว้ได้ อย่างไรก็ตาม จากผลการศึกษาของ Shivani Sahni และคณะผู้วิจัยจาก Beth Israel Deaconess Medical Center, Havard Medical School กลับพบว่าการเสริมอาหารจำพวกนมอย่างเดียวอาจไม่สามารถรักษาความหนาแน่นของกระดูกได้อย่างเพียงพอ และการเสริมวิตามินดีควบคู่ไปกับอาหารจำพวกนมจะสามารถป้องกันโรคกระดูกพรุนได้ดีกว่า โดยจากข้อมูลการวัดความหนาแน่นของกระดูก (Bone Mass Density: BMD) ที่บริเวณสันหลังส่วนเอวและที่กระดูกต้นขา พบว่าผู้ป่วยที่ได้รับวิตามินดีเสริมนั้นมีมวลและความหนาแน่นของกระดูกที่มากกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับวิตามินดีอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ

อย่างไรก็ตาม มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหลายท่านให้ความเห็นว่าการให้วิตามินดีเสริมที่มากเกินความจำเป็น (เช่น มากกว่า 4,000-10,000 IU ต่อวัน) อาจสร้างปัญหาให้แก่ผู้ป่วยเช่นเดียวกัน โดยอาจทำให้อาการข้ออักเสบกำเริบขึ้นได้ ดังนั้น จึงอาจพิจารณาเลือกให้วิตามินดีเสริมแก่ผู้ที่มีประวัติหรือลักษณะที่บ่งชี้ว่าจะได้รับวิตามินดีจากแสงแดดไม่เพียงพอเท่านั้น