ออกกำลังกายป้องกันสมองเสื่อม
เรารู้กันมานานแล้วว่า การออกกำลังกายช่วยให้ร่างกายแข็งแรง สุขภาพดี มีภูมิต้านทาน
แต่หลาย ๆ ท่านยังอาจไม่แน่ใจว่า การออกกำลังกายจะช่วยเสริมสร้างและป้องกันภาวะสมองเสื่อมได้ด้วย
เมื่อเร็ว ๆ นี้มีรายงานยืนยันแล้วครับว่า การออกกำลังกายช่วยชะลอให้สมองเสื่อมช้าลง โดยเฉพาะกับคนที่อยู่ในช่วงวัยกลางของชีวิต
ครับ ยืนยัน!
การออกกำลังกายนั้น ทั่ว ๆ ไปก็มี 2 แบบ คือ แบบแอโรบิก (aerobic exercise) และการออกกำลังกายแบบต้านแรง (resistance-type training)
นักวิจัยที่ออสเตรเลียได้รวบรวมผลการวิจัยหลากหลายที่ออกมาก่อนหน้านี้แล้ววิเคราะห์อย่างเป็นระบบพบว่า คนอายุมากกว่า 50 ปีที่ออกกำลังกาย ไม่ว่าจะเป็นประเภทไหนที่กล่าวข้างต้น หรือแม้กระทั่งการออกกำลังกายโดยการรำไทชิ (Tai chi) หรือเล่นคละแบบกัน ล้วนต่างช่วยชะลอสมองเสื่อมได้ทั้งนั้น
ด้านต่าง ๆ ที่นักวิจัยออสเตรเลียประเมินผลหลังการออกกำลังกายคือ ภาพรวมของประสิทธิภาพสมอง (global cognition), ความจดจ่อ (attention), การคิดวิเคราะห์ (executive function), ความจำ และความจำปฏิบัติงาน (working memory: คือ ความจำที่สมองเก็บไว้ใช้งานขณะกำลังจำเรื่องต่าง ๆ คล้ายความจำที่อยู่ใน RAM ของคอมพิวเตอร์ที่เครื่องใช้ และจะหายไปเมื่อปิดเครื่อง)
ถ้ามาดูในรายละเอียดจะพบว่า การออกกำลังกายทุกแบบยกเว้นโยคะได้ผลดีต่อสมองทั้งสิ้น
และหากมาดูในมิติของความเข้มของการออกกำลังกาย การออกกำลังกายอย่างน้อย 45 นาที ในความแรงปานกลางถึงมากจะช่วยชะลอความเสื่อมได้ดีทั้งนั้นไม่ว่าจะออกกำลังกายบ่อยแค่ไหน
การออกกำลังกายส่งผลดีต่อการทำงานของสมองทุกมิติ ยกเว้น global cognition การออกกำลังกายแบบแอโรบิกจะเสริมทุกด้าน ส่วนการออกกำลังกายแบบต้านแรงจะเด่นในด้าน executive function, ความจำ และ working memory
ตรงนี้ไม่ได้หมายความว่า การออกกำลังกายแบบต้านแรงจะดีกว่าการออกกำลังกายแบบแอโรบิกในภาพรวมนะครับ เพียงแต่เด่นขึ้นมาในเรื่องที่กล่าวถึงดังกล่าว
นักวิจัยยังพบว่า การรำไทชิก็ช่วยเสริมการทำงานของสมองด้วย เรื่องนี้เป็นข่าวดีสำหรับคนที่มีข้อจำกัดในการออกกำลังกายแบบที่ใช้กำลังเยอะ เพราะไทชิไม่ได้ใช้แรงขนาดนั้น คนสูงอายุมากหน่อยก็ยังทำได้ หรือจะพูดว่า ใช้ได้กับคนทุกวัยก็เป็นจริง
นักวิจัยแนะนำว่า การออกกำลังกายที่ผสมผสานระหว่างแอโรบิกและแบบต้านแรงในความแรงระดับปานกลางครั้งละอย่างน้อย 45 นาที สัปดาห์ละมากวันที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ จะส่งผลชะลอสมองเสื่อมให้แก่คนวัยเกิน 50 ปีได้
อย่างไรก็ตาม นักวิจัยยังเข้าใจด้วยว่า การออกกำลังกายอย่างเดียวมันเบื่อง่ายและมีแนวโน้มว่าคนเราจะหยุดหรือเลิกในที่สุด ดังนั้น การออกกำลังกายที่นักวิจัยแนะนำคือ ควรทำให้สนุกสนานด้วย และยิ่งมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น ๆ ด้วยจะยิ่งดี
เช่น นำเอาเกม/กีฬาที่เคยเล่นสมัยวัยเด็กมาทำเป็นการออกกำลังกาย การชวนเพื่อนมาร่วมออกกำลังกายด้วย หรือมีใครที่เป็นแบบอย่างหรือแรงจูงใจจะยิ่งช่วยให้มีฉันทะและความสนุกกับการออกกำลังกาย รวมทั้งทำได้เป็นกิจวัตรมากขึ้น
นักวิจัยเน้นการออกกำลังกายในความแรงระดับปานกลาง
แต่หากจะกล่าวถึงการรำไทชิ ซึ่งดูไม่ได้ใช้แรงเท่าไหร่นัก ในความเป็นจริงการรำไทชิใช้แรงพอสมควร และต้องมีร่างกายที่ฟิตพอที่จะเคลื่อนไหวร่างกายได้ตามท่ารำอย่างถูกต้อง ในขณะเดียวกันระหว่างร่ายรำไป สมองและสมาธิก็ได้ทำงานไปด้วย นับว่าไม่น้อยหน้าการออกกำลังกายแบบอื่น ๆ
ดังนั้น การออกกำลังกายด้วยการรำไทชิสามารถแนะนำให้คนหมู่ใหญ่ทำได้ ไม่ว่าเพศหรือวัยใด ยิ่งการรำไทชิเป็นหมู่จะยิ่งจูงใจให้สนุกและติดการออกกำลังกายได้นานจนเป็นกิจวัตร
ครับ นั่นก็เป็นผลดีของการออกกำลังกายต่อสมอง
มา... มาออกกำลังกายกันครับ