เจลห้ามเลือด สำคัญไฉน
การเกิดแผลกับการเสียเลือดนั้นเป็นเรื่องปกติคู่กันมาตลอดเวลา ดังนั้น ร่างกายจึงมีระบบกลไกในการห้ามเลือดโดยธรรมชาติไม่ว่ามนุษย์หรือสัตว์ การห้ามเลือดเป็นกระบวนการทางชีวเคมีที่สำคัญของร่างกายเพื่อควบคุมให้เลือดคงสภาพเป็นของเหลวไหลเวียนเป็นปกติอยู่ภายในหลอดเลือด และเปลี่ยนสภาพเป็นลิ่มเลือดเพื่อให้เลือดหยุดเมื่อมีการทำลายของหลอดเลือด ทั้งนี้จะต้องอาศัยความสมดุลระหว่าง 2 กระบวนการสำคัญ ได้แก่ กระบวนการแข็งเป็นลิ่มของเลือด และกระบวนการสลายลิ่มเลือด การควบคุมการไหลเวียนเลือดให้เป็นปกตินั้น ประกอบด้วยระบบการทำงานที่สำคัญดังต่อไปนี้คือ ระบบหลอดเลือดและการซ่อมแซมในตำแหน่งที่ได้รับอันตราย ระบบเกล็ดเลือด การสร้างลิ่มเลือดและระบบควบคุม การสลายลิ่มเลือดและระบบควบคุม กระบวนการเหล่านี้ต้องทำงานร่วมกันเป็นระบบจึงจะมีประสิทธิภาพ และต้องอยู่ในภาวะสมดุล ถ้าเกิดการเสียสมดุลจะทำให้เกิดความผิดปกติ เช่น ถ้าเกิดการเสียสมดุลของการทำงานของระบบห้ามเลือดก็จะทำให้มีภาวะเลือดออกง่ายผิดปกติ หรือมีภาวะการแข็งตัวของเลือดในหลอดเลือดได้(1,2)
หากระบบกลไกในการห้ามเลือดยังไม่สามารถกระทำได้ทันท่วงที การเสียเลือดที่มากเกินไปก็จะทำให้เกิดอันตรายขึ้นได้ ดังนั้น จึงได้มีการพัฒนาการห้ามเลือดด้วยวิธีต่าง ๆ รวมถึงเทคโนโลยีต่าง ๆ มาใช้เพื่อช่วยห้ามเลือดให้มีประสิทธิภาพและปลอดภัย
รูปที่ 1 กลไกการห้ามเลือดของร่างกาย(1)
ในการห้ามเลือดเฉพาะที่โดยการใช้สารเร่งการเกิดลิ่มเลือดเฉพาะที่กับผู้ป่วยที่มีเกล็ดเลือดตํ่าโดยไม่ทราบสาเหตุแบบเรื้อรังนั้น ได้มีการใช้สารและเทคโนโลยีมาช่วยในการห้ามเลือด โดยเฉพาะทางทันตกรรม(3) ได้แก่
สำหรับในกรณีแผลที่ใหญ่และมีการเสียเลือดมากนั้นก็ได้มีการศึกษาคิดค้นเจลสำหรับห้ามเลือดมาใช้กับสัตว์และพัฒนาสู่คน เช่น งานวิจัยของนักศึกษาภาควิชาเทคนิคการแพทย์ของ New York University หรือ NYU ประสบความสำเร็จในการผลิตเจลสำหรับรักษาแผลที่สามารถห้ามเลือดได้ในเวลาเพียงไม่กี่วินาที ชื่อ Veti-Gel โดยใช้หลักการ Extracellular Matrix หรือ ECM ซึ่งเป็นการใช้โครงสร้างโพลิเมอร์ของพืชไปทำปฏิกิริยากับเซลล์ผิวหนังที่หายไป เสมือนว่าตัวยาดังกล่าวคือเซลล์ผิวหนังที่เกิดใหม่ โดยวิธีการใช้ยาดังกล่าวเริ่มจากการทาเจลลงไปบนแผลสดทันที โดยตัวยาจะไปทำปฏิกิริยากับเซลล์ผิวหนังทันที โดยสารประกอบ ECM จะเป็นตัวกลางประสานบริเวณผิวหนังที่ขาดหายไป ทำให้เลือดหยุดไหล และยังช่วยซ่อมแซมเซลล์ใหม่ทันที ทำให้ผู้ใช้ยาตัวนี้รู้สึกว่าตัวยาเป็นส่วนหนึ่งของผิวหนังถึงแม้ตัวยาจะอุดอยู่ก็ตาม โดยนักวิจัยของ NYU ได้ทดลองยาชนิดนี้กับหนูทดลองที่มีแผล รวมทั้งตัวอย่างชิ้นเนื้อของสัตว์ที่เป็นแผล พบว่ายา Veti-Gel สามารถหยุดการไหลของเลือดได้ในเวลาเพียง 5 วินาทีเท่านั้น ซึ่งเจลนี้สามารถใช้ได้กับแผลปากเปิดเพื่อหยุดเลือดภายใน 20 วินาที รูปลักษณ์ภายนอกของ “Veti-Gel” เหมือนปลาสเตอร์เหลวในตลาด แต่มีคุณสมบัติในการรักษาแผลดีเยี่ยม และใช้ได้ทั้งผิวหนังและอวัยวะ ซึ่งหลักการสร้าง “เจลโพลิเมอร์” เป็นการดึงเซลล์จากผนังของ “เซลล์พืช” ที่จะสร้างตัวให้มีหน้าตาเหมือนกับสิ่งที่เราใส่มันลงไป เช่น ใส่ไปบนผิวหนังมันก็จะสร้างตัวให้เหมือนโครงสร้างผิวหนัง อย่างไรก็ตาม ยา Veti-Gel ยังคงอยู่ในขั้นตอนการทดลองในกลุ่มตัวอย่างเพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาออกใบอนุญาตจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา หรือ US FDA โดยทีมนักวิจัยหวังว่า Veti-Gel จะสามารถใช้เป็นยาสามัญประจำบ้าน รวมทั้งเป็นยาที่ช่วยปฐมพยาบาลให้แก่หน่วยกู้ภัย หรือทหารในสนามรบในอนาคต(4,5)
รูปที่ 2 Veti-Gel ที่ใช้ในการห้ามเลือด(6)
อีกทั้งในปัจจุบันยังมีผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยงเพื่อใช้ในการห้ามเลือดออกมาจำหน่าย เช่น Veterinary Formula Clinical Care-Superclot Synergylab U.S.A โดยมีส่วนประกอบของ Ferric sulfate, Aluminum sulfate, Lidocaine hydrochloride, Benzethonium chloride USP. ซึ่งช่วยในการห้ามเลือดสำหรับสุนัข แมว เป็นต้น
ในปัจจุบันยังมีการพัฒนาใช้สารสกัดจากพืชหรือจากธรรมชาติเพื่อนำมาใช้ห้ามเลือดซึ่งกำลังอยู่ในขั้นตอนการศึกษาวิจัยอีกหลายชนิด ซึ่งอนาคตสารและผลิตภัณฑ์จากสารเหล่านี้จะเป็นสิ่งสำคัญในการห้ามเลือดและการกู้ภัยต่าง ๆ ในอนาคต
เอกสารอ้างอิง