แนวทางการให้วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่สำหรับปี 2017-2018

แนวทางการให้วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่สำหรับปี 2017-2018   

อ.นพ.สันติ สิลัยรัตน์ คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช   

         หน่วยงาน Centers for Disease Control and Prevention (CDC) ของประเทศสหรัฐอเมริกา ออกเผยแพร่แนวทางการให้วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ล่าสุดสำหรับปี ค.ศ. 2017-2018 แล้ว โดยในแนวทางล่าสุดแนะนำการให้วัคซีนเป็นประจำทุกปีในผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงทุกราย โดยควรให้อย่างช้าไม่เกินปลายเดือนตุลาคมของทุกปี

            สำหรับรูปแบบของวัคซีนที่แนะนำให้ใช้ควรเป็นวัคซีนชนิดฉีดเข้ากล้ามเนื้อและเป็นวัคซีนแบบ inactivated หรือ recombinant influenza vaccines เท่านั้น เนื่องจากวัคซีนชนิดพ่นเข้าทางจมูก (nasal spray vaccine) ซึ่งเป็นแบบ live attenuated vaccine นั้นยังไม่มีข้อมูลด้านประสิทธิภาพของการสร้างภูมิคุ้มกันจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ (H1N1)pdm09 ที่อาจจะมีการระบาดในช่วงปี ค.ศ. 2017-2018 นี้มากเพียงพอ

            ในการเลือกวัคซีนสำหรับป้องกันไข้หวัดใหญ่นั้น ในปัจจุบันมีทั้งแบบที่ครอบคลุมเชื้อไวรัส 3 สายพันธุ์ (trivalent vaccines) และแบบ 4 สายพันธุ์ (quadrivalent vaccines) ซึ่งมีความแตกต่างกันเล็กน้อยคือ แบบ 4 สายพันธุ์จะสามารถครอบคลุมเชื้อในกลุ่ม influenza B viruses คือ B/Phuket/3073/2013 และสายพันธุ์ใกล้เคียงร่วมด้วย สำหรับการครอบคลุมเชื้อ influenza A นั้น ทั้ง 2 แบบจะเหมือนกันคือ

  • A/Michigan/45/2015 (H1N1)pdm09 virus และสายพันธุ์ใกล้เคียง
  • A/Hong Kong/4801/2014 (H3N2) และสายพันธุ์ใกล้เคียง
  • A B/Brisbane/60/2008 และสายพันธุ์ใกล้เคียง

            ทั้งนี้ในบางพื้นที่อาจมีวัคซีนทั้งแบบ 3 สายพันธุ์ และ 4 สายพันธุ์ หรืออาจมีเพียงแบบใดแบบหนึ่ง สามารถให้วัคซีนแบบใดก็ได้ที่มีอยู่ในพื้นที่เนื่องจากประสิทธิภาพในการป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A นั้นเท่าเทียมกัน ส่วนการป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B นั้นถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีหากสามารถทำได้

เนื่องจากในช่วงปีที่ผ่านมามีวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ที่ผลิตขึ้นมาใหม่หลายชนิด และมีข้อมูลเกี่ยวกับความปลอดภัยสำหรับการใช้ในเด็กเล็กที่มีอายุตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไปเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น ในแนวทางปฏิบัติใหม่นี้จึงมีคำแนะนำให้สามารถให้วัคซีนแก่เด็กเล็กที่มีอายุ 6 เดือนขึ้นไปได้ ทั้งนี้สำหรับในเด็กที่ไม่เคยได้รับวัคซีนมาก่อนจะแนะนำให้ฉีดวัคซีนในปีแรก 2 เข็ม ห่างกันอย่างน้อย 4 สัปดาห์ เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันมากเพียงพอ ส่วนในเด็กหรือบุคคลที่เคยได้รับวัคซีนมาก่อนแล้วสามารถให้เพียงครั้งเดียวได้ สำหรับในกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ ข้อมูลปัจจุบันพบว่าวัคซีนนี้มีความปลอดภัยและสามารถใช้ได้ในหญิงตั้งครรภ์ จึงสามารถให้วัคซีนในกลุ่มนี้ได้เช่นเดียวกัน

            สำหรับผู้ที่มีอาการแพ้ไข่ซึ่งเป็นส่วนประกอบหนึ่งของวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่นั้น โดยทั่วไปก็สามารถรับวัคซีนได้ โดยมีคำแนะนำจาก Advisory Committee on Immunization Practices (ACIP) ให้ติดตามสังเกตอาการผู้ที่มีประวัติอาการแพ้ไข่หลังจากได้รับวัคซีนแล้วเป็นเวลา 30 นาที ซึ่งแม้ว่าในเอกสารคำแนะนำฉบับล่าสุดจะไม่ได้กล่าวถึงการติดตามดูอาการหลังให้วัคซีนแล้ว แต่โดยทั่วไปยังคงแนะนำให้มีการติดตามสังเกตอาการอย่างน้อย 15 นาที เพื่อให้แน่ใจได้ว่าไม่ได้เกิดปฏิกิริยาของการแพ้หรือมีอาการหน้ามืด วิงเวียน เป็นลมหมดสติหลังการรับวัคซีนเกิดขึ้น สำหรับในรายที่เคยมีประวัติอาการแพ้ไข่อย่างรุนแรง ในช่วงของการให้วัคซีนอาจพิจารณาให้อยู่สังเกตอาการต่อในหอสังเกตอาการหรือรับเข้าไว้เป็นผู้ป่วยใน โดยมีการติดตามดูอาการจากผู้ที่มีความชำนาญหรือคุ้นเคยกับการตรวจหาอาการแพ้เป็นระยะ ๆ