ป้องกันและพลิกผันโรค NCDs ได้ง่าย ๆ ด้วยการปรับไลฟ์สไตล์
วิถีชีวิตที่เร่งรีบในปัจจุบันกำลังทำร้ายสุขภาพของเราอย่างช้า ๆ การใช้ชีวิตในแต่ละวันด้วยความรีบเร่ง รับประทานอาหารฟาสต์ฟู้ด สูบบุหรี่จัด นั่งทำงานนาน ๆ พักผ่อนน้อย อยู่กับความเครียด ไม่ออกกำลังกาย พฤติกรรมในการดำเนินชีวิตที่ไม่ดีต่อสุขภาพเหล่านี้ล้วนเป็นสาเหตุสำคัญที่นำไปสู่อาการของกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือ NCDs (Non-Communicable Disease) เช่น โรคทางระบบหัวใจและหลอดเลือด โรคเบาหวาน และโรคมะเร็งต่าง ๆ ซึ่งกำลังเป็นปัญหาสาธารณสุขสำคัญของไทย
ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลกพบว่า ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา กลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรังเป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิตอันดับหนึ่งของคนไทย ในแต่ละปีจะมีคนไทยป่วยด้วยโรค NCDs ถึง 14 ล้านคน เสียชีวิตกว่า 300,000 คน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันยังพบว่ากลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรังเกิดกับผู้ป่วยที่มีอายุน้อยลง และส่วนใหญ่เสียชีวิตก่อนอายุ 60 ปี
ด้วยเหตุนี้คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และบริษัท เมก้า ไลฟ์ไซแอ็นซ์ พีทีวาย จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านเวชภัณฑ์คุณภาพสูงและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพของไทย จึงร่วมกันจัดประชุมวิชาการในหัวข้อ “การดูแลด้านอาหารและโภชนาการเพื่อป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด และโรคเบาหวาน” เพื่อเพิ่มพูนความรู้ความเข้าใจด้านการแพทย์ทางเลือกสำหรับกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรังแก่เภสัชกรไทย เพื่อจะได้ให้คำแนะนำบุคคลทั่วไปเกี่ยวกับการดูแลด้านอาหารและโภชนาการที่ถูกต้อง รวมถึงการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์อาหารที่เหมาะสมเพื่อป้องกันโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์ ศัลยแพทย์หัวใจและผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ครอบครัว โรงพยาบาลพญาไท และหัวหน้าแพทย์ผู้เชี่ยวชาญประจำศูนย์เวลเนส วีแคร์ เซ็นเตอร์ (Wellness We Care Center) เปิดเผยว่า โรคไม่ติดต่อเรื้อรังหลาย ๆ โรคอาจใช้เวลานานหลายปีกว่าจะเริ่มแสดงอาการ คนที่ไม่มีอาการแสดงของโรคใด ๆ ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีโอกาสหรือไม่มีความเสี่ยงในการป่วยเป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง
“งานวิจัยทางการแพทย์หลายชิ้นในปัจจุบันพิสูจน์ให้เห็นว่าพฤติกรรมการดำเนินชีวิตที่ไม่ดีต่อสุขภาพ เช่น สูบบุหรี่จัด ดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป รับประทานอาหารฟาสต์ฟู้ดเป็นประจำ ขาดการออกกำลังกาย และมีความเครียดสะสม เป็นสาเหตุสำคัญที่นำไปสู่อาการของโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยอีกหลายชิ้นที่พบว่าอาหารที่เราบริโภคเข้าไปในแต่ละวันเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร แต่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร รวมถึงการออกกำลังกาย และการจัดการความเครียดที่ถูกต้องจะช่วยป้องกันและพลิกฟื้นอาการจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรังได้เทียบเท่าหรือดีกว่าการรักษาด้วยวิธีทางการแพทย์”
ด้วยเหตุนี้ปัจจุบันวงการแพทย์จึงได้รับเอาแนวคิดการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต (Lifestyle Management) มาเป็นส่วนสำคัญในการจัดการและรักษาโรคไม่ติดต่อเรื้อรังควบคู่กับการแพทย์แผนปัจจุบันมากขึ้น แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าคนส่วนใหญ่ยังคงขาดความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ซึ่งรวมถึงการเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสม
“คนส่วนใหญ่พึ่งพาการรักษาด้วยยาและการผ่าตัดมากกว่าการใช้วิธีการทางธรรมชาติในการต่อสู้กับโรค การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต รวมถึงพฤติกรรมการรับประทานอาหารถูกมองว่าเป็นเรื่องยาก แต่จริง ๆ แล้ววิธีทางธรรมชาตินอกจากจะป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดโรคแล้ว ยังช่วยรักษาโรคเรื้อรังให้หายขาดได้อีกด้วย สมาพันธ์โรคหัวใจและสถาบันวิจัยมะเร็งแห่งประเทศสหรัฐอเมริการะบุถึงอาหารที่ดีต่อสุขภาพว่า ในครึ่งจานอาหารต้องประกอบด้วยเส้นใย โพแทสเซียม แมงกานีส โฟเลต ธาตุเหล็ก วิตามินเอ และวิตามินซี ซึ่งทั้งหมดนี้มาจากอาหารประเภทที่เน้นพืชเป็นหลัก”
กระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริก (USDA) ได้แนะนำแนวทางการเลือกรับประทานอาหาร (2015 USDA Dietary Guidelines) เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงของการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ดังนี้
นพ.สันต์ แนะนำเพิ่มเติมว่า “อาหารแบบพืชเป็นหลัก (Plant Based Whole Food หรือ PBWF) ซึ่งไม่ผ่านการปรุงแต่ง แปรรูป สกัด และขัดสีก่อนนำมาบริโภค และไม่มีไข่และนมเป็นส่วนประกอบ เช่น ธัญพืชไม่ขัดสี ผักใบเขียว ผลไม้ จะช่วยนำสารอาหารหลักที่ให้พลังงานทั้งคาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมันที่ดีเข้าสู่ร่างกาย โดยไม่ได้เน้นแค่สารอาหารเพียงกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่เป็นการผสมผสานของสารอาหารที่หลากหลายที่เหมาะสมกับร่างกายของคนเรา จึงมีประโยชน์และคุณค่าทางโภชนาการมากมายมหาศาลในการป้องกันและพลิกผันโรคไม่ติดต่อเรื้อรังต่าง ๆ”
นอกจากการปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหารแบบพืชเป็นหลักให้มากขึ้น และลดการบริโภคเนื้อสัตว์ให้น้อยลง “การออกกำลังกายในระดับที่หนักพอควรจนร้องเพลงไม่ได้เป็นเวลา 30 นาที 5 ครั้งต่อสัปดาห์ การขจัดความเครียดด้วยการฝึกสติลดความเครียดทุกวัน วันละ 15 นาที การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และการเข้าร่วมกลุ่มเพื่อนเพื่อแลกเปลี่ยนและช่วยเหลือซึ่งกันและกันยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้คนมีสุขภาพดี อายุยืนยาว ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ ไม่ต้องพึ่งยา การผ่าตัด หรือรักษาตัวในโรงพยาบาล ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถทำได้ง่าย ๆ และไม่ได้ใช้เงินมาก แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ ต้องเริ่มต้นทำด้วยตัวเองตั้งแต่วันนี้จึงจะป้องกันและพิชิตโรคได้” นพ.สันต์ กล่าวทิ้งท้าย