EMA แนะนำเลิกหรือลดการใช้ยาในกลุ่ม Quinolones ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย

อ.นพ.สันติ สิลัยรัตน์ คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช

EMA แนะนำเลิกหรือลดการใช้ยาในกลุ่ม Quinolones ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย

            คณะกรรมการ The European Medicines Agency (EMA) แห่งสหภาพยุโรป ออกประกาศแนะนำการเลิกหรือจำกัดการใช้ยาปฏิชีวนะในกลุ่ม quinolones เนื่องจากมีข้อมูลเกี่ยวกับความเสี่ยงต่อการเกิดอาการไม่พึงประสงค์ที่รุนแรง และอาจทำให้เกิดความพิการอย่างถาวรได้

            การประกาศในครั้งนี้เป็นการรับรองคำแนะนำที่ได้มาจากคณะกรรมการ Pharmacovigilance Risk Assessment Committee (PRAC) ที่ได้เผยแพร่มาแล้วก่อนหน้านี้ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา โดยคณะกรรมการมีคำแนะนำว่ายาปฏิชีวนะที่มีส่วนประกอบของ cinoxacin, flumequine, nalidixic acid และ pipemidic acid ควรได้รับการเพิกถอนการอนุญาตให้มีการจำหน่ายออกสู่ท้องตลาด และแนะนำว่าควรเลิกหรือจำกัดการใช้ยาในกลุ่ม fluoroquinolone ทั้งหมดหากทำได้ ทั้งนี้เนื่องจากมีข้อมูลหลักฐานว่ายาในกลุ่มนี้สามารถทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ที่สำคัญหลายประการ ได้แก่ ภาวะเส้นเอ็นอักเสบหรือฉีกขาด อาการปวดตามข้อและแขนขา การเดินผิดปกติ เส้นประสาทรับความรู้สึกเกิดความผิดปกติ อาการซึมเศร้า อ่อนเพลีย ความจำลดลง การนอนหลับผิดปกติ การมองเห็น การได้ยิน การรับรส หรือการได้กลิ่นผิดปกติ สำหรับยาในกลุ่มนี้ที่ยังคงมีการใช้อยู่แนะนำให้มีการปรับปรุงข้อมูลประกอบการสั่งจ่ายและใช้ยาสำหรับแพทย์และผู้ป่วยใหม่ โดยให้หยุดใช้ยาในทันทีที่เกิดอาการที่สงสัยว่าจะเป็นอาการไม่พึงประสงค์จากยาในกลุ่มนี้ ซึ่งได้แก่ อาการผิดปกติของกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ข้อ หรือระบบประสาท โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ป่วยที่เคยมีประวัติเกิดอาการไม่พึงประสงค์จากยาในกลุ่มนี้มาก่อน เนื่องจากอาจเกิดอันตรายและความพิการอย่างถาวรได้อีกด้วย

            ตามคำแนะนำของ EMA ล่าสุดนี้ ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาในกลุ่ม quinolones ในสภาวะดังต่อไปนี้

  • การติดเชื้อที่ไม่รุนแรงหรือเป็นการติดเชื้อที่สามารถหายเองได้แม้จะไม่ใช้ยาปฏิชีวนะ (เช่น การอักเสบติดเชื้อที่คอ)
  • การติดเชื้อที่ไม่ได้มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อ เช่น chronic non-bacterial cystitis
  • การป้องกันอาการท้องร่วงในผู้ที่เดินทางไปต่างถิ่น (traveler’s diarrhea) หรือการติดเชื้อซ้ำในทางเดินปัสสาวะส่วนล่าง (recurrent lower urinary tract infections)
  • การติดเชื้อแบคทีเรียที่มีความรุนแรงเล็กน้อยหรือปานกลางอื่น ๆ เว้นแต่จะไม่สามารถใช้ยาปฏิชีวนะชนิดอื่นที่จำเป็นหรือแนะนำให้ใช้ได้

            ทาง EMA ให้คำแนะนำเพิ่มเติมว่า ในผู้ป่วยสูงอายุ ผู้ที่มีความผิดปกติของไต และผู้ที่ผ่านการปลูกถ่ายอวัยวะมาก่อนควรมีการเฝ้าระวังและหลีกเลี่ยงการใช้ยานี้มากเป็นพิเศษ เนื่องจากจะเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากยา โดยเฉพาะการบาดเจ็บที่บริเวณเส้นเอ็น นอกจากนี้ยังควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาในกลุ่มนี้ร่วมกับยาในกลุ่ม corticosteroids เนื่องจากจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดภาวะแทรกซ้อนเมื่อใช้ร่วมกัน

            สำหรับในประเทศสหรัฐอเมริกาก็เริ่มมีรายงานเกี่ยวกับอาการไม่พึงประสงค์ที่เกิดจากยาในกลุ่มนี้มากขึ้น และทาง FDA ก็ได้มีการออกประกาศเตือนเพื่อเฝ้าระวังอาการเหล่านี้แล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2016 ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม แพทย์จำนวนหนึ่งมีความเห็นว่ายังอาจจะต้องมียาในกลุ่มนี้เอาไว้ใช้ในการรักษาการติดเชื้อ เนื่องจากในบางครั้งอาจเป็นยาเพียงชนิดเดียวที่สามารถใช้ได้ในการติดเชื้อนั้น ๆ ทั้งนี้จึงต้องอาศัยดุลยพินิจของแพทย์ผู้ใช้ที่จะเปรียบเทียบประโยชน์และโทษของการใช้ยาให้เหมาะสมสำหรับผู้ป่วยแต่ละราย และมีการเฝ้าระวังอย่างเหมาะสมจึงจะเกิดประโยชน์และความปลอดภัยสูงสุด