Aethoxysklerol (Polidocanol) กับการรักษาเส้นเลือดขอด
อ.ดร.ภก.สิกขวัฒน์ นักร้อง วิทยาลัยเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต
การฉีดยารักษาเส้นเลือดขอด (sclerotherapy) เป็นวิธีการรักษาที่ได้ผลดีที่สุดอย่างหนึ่งสำหรับเส้นเลือดขอดและเส้นเลือดฝอยที่ขา (varicose and spider veins) ซึ่งเป็นภาวะที่พบได้บ่อย ๆ ซึ่งจะส่งผลต่อรูปลักษณ์ภายนอกและอาจทำให้เกิดความเจ็บปวดหรือปัญหาต่าง ๆ เกี่ยวกับการไหลเวียนโลหิตที่รุนแรงได้ ดังนั้น เส้นเลือดขอดนี้จึงสร้างปัญหาให้แก่ผู้ที่เป็นมากพอสมควร
รูปที่ 1 เส้นเลือดขอด
การฉีดยาเข้าเส้นเลือดดำที่ขอดเพื่อให้เส้นเลือดตีบตัน (sclerotherapy) สามารถรักษาได้ทั้งเส้นเลือดขอดและเส้นเลือดฝอยที่ขา โดยจะเป็นการฉีดยาซึ่งเป็นสารเคมีที่มีคุณสมบัติในการทำลายผนัง (endothelium) ของเส้นเลือดขอดเข้าไปในเส้นเลือดดำที่ขอดเพื่อทำให้ผนังเส้นเลือดบวมและติดกันจนเลือดไม่สามารถไหลผ่านไปได้และเกิดการแข็งตัวจนตีบตันในที่สุด เพียง 2-3 สัปดาห์เส้นเลือดขอดที่โป่งพองก็จะยุบและจางหายไป โดยยาหรือสารเคมีที่แพทย์นำมาใช้ฉีดก็มีอยู่ด้วยกันหลายชนิด แต่ชนิดที่ใช้บ่อย ๆ จะมีชื่อว่า “เอธอกซีสเครอล” (Aethoxysklerol) ซึ่งมีตัวยาสำคัญคือ polidocanol โดยมีความเข้มข้นตั้งแต่ 1-3% แล้วแต่ดุลพินิจของแพทย์ที่ทำการรักษาที่ได้ตรวจและวินิจฉัยโรคอย่างละเอียดแล้ว
รูปที่ 2 เส้นเลือดฝอยที่ขา
ภายหลังการฉีดยารักษาผู้ป่วยควรเดินอย่างต่อเนื่องประมาณ 30 นาทีทันทีหลังการฉีดยาเพื่อช่วยให้ยากระจายตัวได้ดีขึ้น และควรสวมถุงน่องสำหรับเส้นเลือดขอดเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของยาฉีดให้ได้ผลดี โดยควรสวมติดต่อกันอย่างน้อย 5-7 วัน (ยกเว้นในกรณีที่อาบน้ำให้ถอดออกได้)
การรักษาด้วยวิธีการฉีดยาเข้าเส้นเลือดดำที่ขอดนี้จะเหมาะกับเส้นเลือดขอดที่มีขนาดเล็กกว่า 3 มิลลิเมตรที่เป็นแขนงบริเวณผิวหนังโดยยังไม่ปรากฏความผิดปกติของลิ้นในตัวเส้นเลือดดำส่วนตื้น หรือเป็นเส้นเลือดขอดเล็ก ๆ ที่ยังคงหลงเหลืออยู่หลังจากการผ่าตัดเส้นเลือดขอดแล้ว
รูปที่ 3 การฉีดยารักษาเส้นเลือดขอด
ข้อบ่งชี้ในการรักษาด้วยการฉีดยาเข้าเส้นเลือดดำคือ 1. เป็นเส้นเลือดขอดที่มีขนาดอยู่ระหว่าง 1-3 มิลลิเมตร 2. เป็นเส้นเลือดขอดที่มีขนาดเล็กมาก ๆ ประมาณ 0.5 มิลลิเมตร 3. เป็นเส้นเลือดขอดเดี่ยว ๆ และ 4. เป็นเส้นเลือดขอดบริเวณใต้เข่า
ข้อห้ามในการรักษาด้วยการฉีดยาเข้าเส้นเลือดดำคือ การมีประวัติแพ้สารที่ใช้ฉีด มีเส้นเลือดอักเสบ เส้นเลือดขอดมีขนาดใหญ่ร่วมกับปัญหาเส้นเลือดดำส่วนลึก
การรักษาด้วยวิธีนี้ผู้ป่วยจะต้องเข้ารับการรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางผิวหนัง (Dermatologist) และรักษาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉลี่ยคือ ประมาณ 3-4 ครั้งต่อข้าง แต่ละครั้งห่างกันประมาณ 1 เดือนครึ่ง-2 เดือน ยกเว้นในผู้ป่วยที่เป็นมากอาจต้องฉีดจำนวนครั้งมากกว่านี้ (แต่ในกรณีที่เป็นเส้นเลือดขอดใหญ่จำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยการผ่าตัด) และหลังการฉีดเสร็จแต่ละครั้งผู้ป่วยสามารถกลับบ้านได้เลยโดยไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล แต่อย่างไรก็ดี วิธีนี้เป็นการรักษาที่ไม่หายขาด ในระยะยาวอาจมีการกลับมาเป็นซ้ำของเส้นเลือดขอดได้อีก จึงควรเข้ารับการติดตามผลทุกเดือนกับแพทย์ที่ทำการรักษาเพื่อดูผลการรักษาว่าได้ผลเพียงใด และต้องมีการรักษาเพิ่มเติมอีกหรือไม่
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
ผลข้างเคียงจากการรักษาด้วยวิธีนี้พบได้ไม่บ่อย แต่อาจเป็นอันตรายรุนแรงได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดและความเข้มของยา เช่น
1. บริเวณที่ฉีดอาจมีอาการปวด บวมแดง มีเลือดออก หรือมีรอยจ้ำเขียวจากการมีเลือดออกใต้ผิวหนัง ซึ่งจะหายไปได้เอง
2. อาจเกิดรอยคล้ำตามแนวเส้นเลือดที่ฉีด ซึ่งจะค่อย ๆ จางหายไปได้เอง
3. อาจเกิดอาการแพ้ยาที่ฉีด โดยในรายที่เป็นไม่มากอาจมีแค่อาการคันหรือมีผื่น แต่ถ้าเป็นรุนแรงอาจทำให้เกิดอาการช็อกจนทำให้เสียชีวิตได้
4. ในกรณีที่ฉีดยาไม่เข้าเส้นเลือดอาจเป็นเหตุทำให้ผิวหนังมีสีเข้มขึ้น หรืออาจเกิดแผลบริเวณผิวหนังได้
5. การฉีดยาในปริมาณมากอาจทำให้เกิดเส้นเลือดอักเสบได้
6. การเกิดภาวะเส้นเลือดดำส่วนลึกมีลิ่มเลือด (deep vein thrombosis) ซึ่งพบได้น้อยมาก แต่ควรติดตามผลการรักษาตามแพทย์นัด
จากที่กล่าวมาแล้วในบทความข้างต้นจะเห็นได้ว่า Aethoxysklerol หรือ Polidocanol เป็นยาที่มีประสิทธิภาพการรักษาเส้นเลือดขอดที่สามารถเห็นผลได้อย่างรวดเร็ว (จากประสบการณ์ในการเห็นการรักษาจริงของคนในครอบครัว) แต่ก็มีโอกาสที่จะเป็นอีกได้ ดังนั้น การปฏิบัติตนที่ถูกต้องหลังการรักษาเป็นสิ่งสำคัญและควรให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ทำการรักษา เพราะผลข้างเคียงของยาตัวอย่างอาจทำให้เกิดอันตรายขึ้นได้
เอกสารอ้างอิง