Dapagliflozin ยารักษาโรคเบาหวาน

Dapagliflozin ยารักษาโรคเบาหวาน

Dapagliflozin (Farxiga) เป็นยารักษาโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ตัวใหม่ที่เพิ่งได้รับอนุมัติจากสำนักงานอาหารและยาสหรัฐอเมริกา โดยคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านยารักษาโรคทาง endocrine และ metabolic ด้วยมติ 13:1 เห็นว่า dapagliflozin มีประโยชน์มากกว่าความเสี่ยงจากการใช้ยานี้ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด โดยใช้ร่วมกับการดูแลด้านอาหารและการออกกำลังกาย คณะกรรมการยังมีมติ 10:4 เห็นว่าข้อมูลด้านความปลอดภัยพอเพียงเมื่อเทียบกับยาตัวอื่น มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดและหัวใจที่ยอมรับได้

Dapagliflozin ใช้รักษาโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ในผู้ใหญ่ โดยใช้เป็นยาเดี่ยวหรือใช้ร่วมกับยารักษาเบาหวานตัวอื่น ร่วมกับการควบคุมอาหารและการออกกำลังกาย เป็นยาที่ออกฤทธิ์อย่างเจาะจงโดยยับยั้งตัวพา sodium-glucose cotransporters 2 (SGLT 2) ซึ่งทำงานอิสระจากอินซูลินในการขับน้ำตาลกลูโคสออกจากร่างกาย dapagliflozin เป็นยายับยั้ง SGLT 2 ตัวแรกในโลกที่ได้รับอนุมัติเป็นยารับประทานในชื่อการค้า Farxiga ของบริษัท AstraZeneca และ Bristol-Myers Squibb ขณะนี้มีจำหน่ายแล้วใน 38 ประเทศ รวมทั้งในยุโรปและออสเตรเลีย

ไตมีบทบาทสำคัญในการรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้เป็นปกติ โดยการกรองกลูโคสและดูดซึมกลับเข้าในเลือด ตัวพา SGLT 2 พบมากในไต ทำหน้าที่ดูดซึมกลูโคสกลับเข้าในเลือด ในผู้ป่วยโรคเบาหวานมีการดูดซึมกลูโคสกลับเข้าเส้นเลือดเพิ่มขึ้น 20-30% จากปกติ ทำให้มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกิน การยับยั้ง SGLT 2 อย่างเจาะจงช่วยลดการดูดซึมน้ำตาลกลับสู่เลือด จึงมีการขับกลูโคสทางปัสสาวะเพิ่มขึ้น

ข้อมูลการศึกษาทางคลินิกของยา dapagliflozin มีจำนวนมาก ในครั้งแรกที่ยื่นขอจดทะเบียนในปี ค.ศ. 2012 ข้อมูลยังไม่พอเพียง ต่อมาได้ศึกษาเพิ่มเติมหลายโครงการรวมถึงการศึกษาระยะยาว (นาน 4 ปี) มีจำนวนคนไข้ใช้ยานี้เพิ่มขึ้นอีก 50% โดยรวมแล้ว การศึกษาวิจัยทางคลินิกระยะที่ 2 และ 3 มีคนไข้ผู้ใหญ่ทั้งหมดรวม 11,000 รายที่เป็นเบาหวาน (ราว 6,000 รายที่ได้รับยา dapagliflozin) ในโครงการวิจัยทางคลินิก 24 โครงการ คนไข้ที่เข้าร่วมการศึกษามีการเป็นโรคเบาหวานทุกระยะ บางคนยังไม่เคยได้รับการรักษามาก่อน บางคนรักษาอยู่แต่ยังควบคุมระดับน้ำตาลไม่ได้ด้วยยากิน บางคนใช้ยาอินซูลิน โครงการวิจัยนี้ยังมีการใช้ในผู้สูงอายุจำนวนมากที่มีประวัติเป็นโรคทางหลอดเลือดและหัวใจด้วย คนไข้ที่มีน้ำหนักตัวสูงเกิน คนไข้โรคอ้วนที่มีโรคความดันโลหิตที่ยังควบคุมไม่ได้ดี และคนไข้ที่มีไตพิการปานกลางจนถึงไตวาย นอกจากนั้น FDA มีคำแนะนำให้การศึกษาทางคลินิกของยาใหม่ต้องประเมินข้อมูลค่าความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดและหัวใจจากการใช้ยา dapagliflozin ในผู้ใหญ่ที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ด้วย ขณะนี้มีโครงการวิจัย DECLARE กำลังดำเนินอยู่ในคนไข้ที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 เพื่อดูผลการใช้ยา dapagliflozin เพิ่มในคนไข้ที่ใช้ยารักษาโรคเบาหวานอยู่แล้ว เพื่อดูความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด เช่น การตายจากอาการทางหัวใจและหลอดเลือด การเกิดหัวใจวาย หรือสมองขาดเลือด เมื่อเปรียบเทียบกับการใช้ยาหลอก การศึกษาแบบสุ่มปกปิดสองทาง มีกลุ่มควบคุมในคนไข้กว่า 17,000 รายที่เริ่มเข้าโครงการเมื่อเดือนเมษายน ค.ศ. 2013 ซึ่งจะเสร็จสิ้นในปี ค.ศ. 2019

ยา Farxiga มีขนาดเม็ดละ 5 และ 10 มก. ขนาดการใช้ยาคือ ใช้รับประทานวันละ 1 เม็ด/5 มก. ตอนเช้าก่อนอาหารหรือพร้อมอาหาร อาจจะเพิ่มขนาดเป็นวันละ 10 มก. หากคนไข้ทนต่อยาได้ดีและต้องการลดน้ำตาลเพิ่ม ทั้งนี้ต้องประเมินสภาวะไตของคนไข้ก่อนเริ่มใช้ยา ห้ามใช้ยานี้หากค่า eGFR ต่ำกว่า 60 mL/min/1.79 m2 อาการข้างเคียงที่พบบ่อย (> 5% ของคนไข้) คือ สตรีมีการติดเชื้อราที่อวัยวะเพศ จมูก ลำคออักเสบ และติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ