Resveratrol และการตายทุกสาเหตุในผู้สูงอายุ

Resveratrol และการตายทุกสาเหตุในผู้สูงอายุ

JAMA Intern Med. Published online May 12, 2014.

บทความเรื่อง Resveratrol Levels and All-Cause Mortality in Older Community-Dwelling Adults รายงานว่า resveratrol ซึ่งเป็น polyphenol พบในองุ่น ไวน์แดง ช็อกโกแลต เบอร์รี่และพืชหัวบางชนิดมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ และต้านมะเร็งในคน และสัมพันธ์กับอายุขัยที่ยาวนานขึ้นในสัตว์บางประเภท

นักวิจัยศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างระดับของ resveratrol ที่ได้จากอาหารและการอักเสบ มะเร็ง โรคหัวใจและหลอดเลือด และการตายในคนในการศึกษา Invecchiare in Chianti (InCHIANTI) Study (“Aging in the Chianti Region”) ซึ่งศึกษาระหว่างปี ค.ศ. 1998-2009 ในหมู่บ้านสองแห่งของเขตชิอานติในประเทศอิตาลี โดยศึกษาจากผู้สูงอายุในชุมชนจำนวน 783 ราย ซึ่งเป็นผู้ชายและผู้หญิงที่มีอายุ 65 ปีหรือมากกว่า นักวิจัยศึกษาระดับ resveratrol metabolites ในปัสสาวะ โดยผลลัพธ์หลัก ได้แก่ การตายทุกสาเหตุ และผลลัพธ์รอง ได้แก่ สารบ่งชี้การอักเสบ (serum C-reactive protein [CRP], interleukin [IL]-6, IL-1β และ tumor necrosis factor [TNF]) รวมถึงความชุกและอุบัติการณ์ของมะเร็ง และโรคหัวใจและหลอดเลือด

ค่าเฉลี่ย (95% CI) ของ log total urinary resveratrol metabolite concentrations เท่ากับ 7.08 (6.69-7.48) nmol/g ของ creatinine ระหว่างการติดตามเป็นระยะ 9 ปี พบว่าผู้เข้าร่วมวิจัย 268 ราย (34.3%)เสียชีวิต โดยสัดส่วนของผู้เสียชีวิตจากทุกสาเหตุจำแนกตามระดับ total urinary resveratrol metabolites ที่พื้นฐานตั้งแต่ระดับต่ำสุดถึงสูงสุดเท่ากับ 34.4%, 31.6%, 33.5% และ37.4% (p = 0.67) ผู้เข้าร่วมวิจัยใน quartile ต่ำสุดของ total urinary resveratrol มี hazards ratio สำหรับการตายเท่ากับ 0.80 (95% CI 0.54-1.17) เทียบกับกลุ่ม quartile สูงสุดจากตัวแบบ multivariable Cox proportional hazards model ซึ่งปรับตามตัวแปรกวนที่มีศักยภาพ ระดับ resveratrol ไม่สัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญกับ serum CRP, IL-6, IL-1β, TNF รวมถึงความชุกและอุบัติการณ์ของโรคหัวใจหรือมะเร็ง

ข้อมูลจากการศึกษาในผู้สูงอายุในชุมชนชี้ว่า ระดับ total urinary resveratrol metabolite ไม่สัมพันธ์กับสารบ่งชี้การอักเสบ โรคหัวใจและหลอดเลือด หรือมะเร็ง หรือปัจจัยทำนายการตายทุกสาเหตุ ซึ่งระดับ resveratrol ที่ได้จากอาหารแบบตะวันตกไม่มีอิทธิพลที่มีนัยสำคัญต่อสุขภาพและความเสี่ยงการตายในกลุ่มประชากรที่ศึกษา