ศ.เกียรติคุณ นพ.ประเสริฐ ทองเจริญ
The Legend of Rabies เปิดตำนานโรคพิษสุนัขบ้า (ตอนที่ 1)
โรคพิษสุนัขบ้ามีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 4,000 ปี จวบจนปัจจุบันโรคพิษสุนัขบ้ายังเป็นโรคที่น่าหวาดกลัว เนื่องจากผู้ที่เป็นโรคนี้แล้วต้องเสียชีวิตโดยที่ไม่มียารักษาให้หายขาดได้ วัคซีนจึงยังคงเป็นวิธีการเดียวในการป้องกันการติดเชื้อ ทำให้ผู้ที่ถูกสุนัขบ้ากัดรอดชีวิต ดังนั้น เมื่อกล่าวถึงโรคพิษสุนัขบ้า ผู้ที่จะต้องถูกกล่าวถึงเสมอ คือ นักเคมีและจุลชีววิทยาชาวฝรั่งเศส ผู้คิดค้นวัคซีนเป็นคนแรกเพื่อปกป้องชีวิตผู้ที่ได้รับเชื้อพิษสุนัขบ้า “หลุยส์ ปาสเตอร์”
บันทึกชิ้นแรกเกี่ยวกับโรคพิษสุนัขบ้าเกิดขึ้นในสมัยบาบิโลน ช่วง 2,300 ปีก่อนคริสต์ศักราช โดยใช้อักษรเอชนันนา (Eshnunna)
หลังจากนั้นถัดมาอีก 1,300 ปี Homer ได้มีการกล่าวถึงสุนัขที่ติดเชื้อพิษสุนัขบ้าไว้ใน “อีเลียต” (Iliad) มหากาพย์ของกรีกโบราณ
ช่วง 500 ปีก่อนคริสต์ศักราช เดโมคริตุส (Democritus) นักปรัชญาชาวกรีกได้บันทึกถึงการพบโรคกลัวน้ำ หรือโรคพิษสุนัขบ้า
ช่วง 400 ปีก่อนคริสต์ศักราช อริสโตเติล (Aristotle) เขียนบันทึกไว้ว่า สุนัขที่เป็นโรคพิษสุนัขบ้าจะมีอาการหงุดหงิด กระสับกระส่าย และเมื่อใดที่มันไปกัดสัตว์ตัวอื่น สัตว์ตัวนั้นก็จะเป็นโรคด้วย
ช่วง 100 ปีก่อนคริสต์ศักราช เกิดการแพร่ระบาดของโรคพิษสุนัขบ้าไปทั่วจักรวรรดิโรมัน กรีก และ เกาะ
Crete Cardanus กล่าวไว้ว่า ในน้ำลายของสุนัขที่เป็นโรคจะมีเชื้อไวรัสอยู่ (ตรงกับคำว่า “พิษ” ของชาวลาติน)
นักฟิสิกส์ชาวโรมันชื่อว่า Celsus เขียนเรื่องวิธีการรักษาแผลด้วยการจี้ด้วยแท่งเหล็กร้อน ๆ ซึ่งวิธีการใช้ความร้อนบริเวณแผลเพื่อป้องกันการติดเชื้อ (Cauterization) ได้ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายเพื่อการรักษาอย่างเฉียบพลันเมื่อถูกสุนัขบ้ากัด และวิธีการนี้ยังคงเป็นที่ยอมรับหลังจากนั้นอีกกว่า 1,800 ปี
กำเนิดวัคซีนพิษสุนัขบ้า
เมื่อวันที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2413 ที่โรงพยาบาลทรูซโซ ประเทศฝรั่งเศส ศาสตราจารย์เนลองกี ได้แจ้งหลุยส์ ปาสเตอร์ ว่า มีเด็กอายุ 5 ขวบถูกสุนัขกัดที่บริเวณหน้าเมื่อ 1 เดือนก่อน เด็กมีอาการของโรคพิษสุนัขบ้าอย่างชัดเจน และเสียชีวิตลงใน 24 ชั่วโมงถัดมา ปาสเตอร์จึงเอาหลอดแก้วดูดเอาน้ำลายและมูกจากปากของเด็กหลังจากเสียชีวิตไปแล้ว 4 ชั่วโมง ทำการเจือจางแล้วฉีดเข้าไปยังกระต่าย พบว่ากระต่ายตายหลังจากนั้น 36 ชั่วโมง เมื่อทำการศึกษาเพิ่มเติมจึงค้นพบว่า ในน้ำลายของสุนัขและน้ำลายของคนป่วยที่เป็นโรคพิษสุนัขบ้าจะมีเชื้อโรคพิษสุนัขบ้าอยู่ รวมทั้งสมองทั้งของสัตว์และคนด้วย
ปาสเตอร์จึงได้นำสมองกระต่ายที่ได้รับเชื้อพิษสุนัขบ้ามาบดและฉีดเข้ากระต่ายตัวอื่น ๆ และทำต่อเนื่องจนระยะฟักตัวของการเกิดโรคสั้นลง และสุดท้ายคงที่ คือต้องตายทุก ๆ 7 วัน ปาสเตอร์เรียกชื่อไวรัสนี้ว่า “ไวรัสฟิกซ์ด” คือระยะฟักตัว “ฟิกซ์ด” คงที่นั่นเอง ปาสเตอร์ยังคงเพียรพยายามที่จะทำการศึกษาต่อเพื่อให้เชื้อที่ “ฟิกซ์ด” มันอ่อนฤทธิ์จนกว่าเมื่อฉีดสุนัขแล้วสุนัขตัวนั้นอาจจะไม่ตายก็ได้ ปาสเตอร์จึงเริ่มทำการทดลองต่อด้วยการนำสมองส่วน medulla ของกระต่ายที่ตายด้วยไวรัสฟิกซ์ดมาทำให้แห้งลงและเชื้อก็ค่อย ๆ อ่อนฤทธิ์ลงจนกระทั่ง 14 วันที่ดูเหมือนว่าเชื้อจะหมดฤทธิ์ จากนั้นก็เอาไปบดผสมกับน้ำที่ปราศจากเชื้อโรคฉีดให้สุนัขจำนวนหนึ่ง วันถัดไปก็ฉีดซ้ำแต่ใช้สมองที่แห้งเพียง 13 วัน และลดลงเรื่อย ๆ จนใช้สมองกระต่ายที่เพิ่งตายใหม่ ๆ ฉีดให้แก่สุนัข และนำสุนัขบางตัวไปให้สุนัขบ้ากัด หรือบางตัวก็เอามาทดลองฉีดเชื้อเข้าสมองโดยตรง ปรากฏว่าสุนัขไม่ตาย จากผลงานครั้งนี้ปาสเตอร์ได้รับเกียรติอย่างสูงส่ง และได้นำเรื่องนี้ไปแสดง ณ ที่ประชุมวิทยาศาสตร์ระหว่างชาติที่กรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก
จากจุดนี้เองทำให้ปาสเตอร์คิดต่อไปว่า การที่จะหาวัคซีนมาฉีดให้สุนัขทุกตัวคงเป็นไปไม่ได้ (ขณะนั้นในปารีสคาดว่ามีสุนัขอยู่ประมาณแสนตัว) เพราะคงไม่สามารถหาสมองกระต่ายที่มากมายขนาดนั้นได้ ปาสเตอร์จึงคิดว่าถ้าฉีดให้เฉพาะคนที่ถูกสุนัขกัดก็คงจะเป็นการดีกว่าอย่างแน่นอน และนี่คือจุดกำเนิดของการคิดค้นวัคซีนพิษสุนัขบ้าในคน
(อ่านต่อฉบับหน้า)