ฉายแสงหลังตัดเต้านมและผ่าตัดต่อมน้ำเหลืองรักแร้

ฉายแสงหลังตัดเต้านมและผ่าตัดต่อมน้ำเหลืองรักแร้

Lancet. 2014;383(9935):2127-2135.

บทความเรื่อง Effect of Radiotherapy after Mastectomy and Axillary Surgery on 10-Year Recurrence and 20-Year Breast Cancer Mortality: Meta-Analysis of Individual Patient Data for 8,135 Women in 22 Randomised Trials รายงานว่า ข้อมูลจาก meta-analysis หลายฉบับชี้ว่าการฉายแสงหลังตัดเต้านมลดความเสี่ยงต่อการเป็นซ้ำและการเสียชีวิตจากมะเร็งเต้านม รวมถึงในผู้ที่เป็น node-positive disease อย่างไรก็ดี ประโยชน์ในผู้หญิงที่พบการลามไปที่ต่อมน้ำเหลือง 1-3 ต่อมยังไม่มีข้อมูลแน่ชัด

นักวิจัยประเมินผลของการฉายแสงหลังการตัดเต้านมและผ่าตัดต่อมน้ำเหลืองรักแร้โดยศึกษาแบบ meta-analysis จากข้อมูลผู้ป่วย 8,135 คนในงานวิจัยระหว่างปี ค.ศ. 1964-1986 รวม 22 ฉบับ ซึ่งสุ่มให้ผู้ป่วยรักษาด้วยการฉายแสงผนังทรวงอกและต่อมน้ำเหลืองหลังการตัดเต้านมและผ่าตัดต่อมน้ำเหลืองรักแร้ เทียบกับการรักษาด้วยการผ่าตัดแบบเดียวกันแต่ไม่ได้ฉายแสง การติดตามมีระยะ 10 ปีสำหรับประเมินการเป็นซ้ำ และถึงวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 2009 สำหรับประเมินการเสียชีวิต ทั้งนี้การวิเคราะห์จำแนกตามงานวิจัย ปีการติดตาม อายุขณะเข้าร่วมงานวิจัย และ pathological nodal status

ผู้ป่วย 3,786 คนได้เลาะต่อมน้ำเหลืองรักแร้อย่างน้อยระดับ II และไม่มี positive node, มี positive node 1-3 ต่อม หรือมีตั้งแต่ 4 ต่อมขึ้นไป ผู้ป่วยทั้งหมดเข้าร่วมในงานวิจัยที่ฉายแสงยังผนังทรวงอก, supraclavicular หรือ axillary fossa (หรือทั้งสองอย่าง) และ internal mammary chain สำหรับผู้ป่วย 700 คนซึ่งเลาะต่อมน้ำเหลืองออกและไม่มี positive node พบว่า การฉายแสงไม่มีผลลัพธ์ที่มีนัยสำคัญต่อการกลับเป็นซ้ำเฉพาะที่ (two-sided significance level [2p] > 0.1), การเป็นซ้ำโดยรวม (rate ratio [RR], irradiated vs not, 1.06, 95% CI 0.76-1.48, 2p > 0.1) หรือการเสียชีวิตจากมะเร็งเต้านม (RR 1.18, 95% CI 0.89-1.55, 2p > 0.1) สำหรับผู้ป่วย 1,314 คนที่เลาะต่อมน้ำเหลืองและมี positive node 1-3 ต่อมพบว่า การฉายแสงลดการเป็นซ้ำเฉพาะที่ (2p < 0.00001), การเป็นซ้ำโดยรวม (RR 0.68, 95% CI 0.57-0.82, 2p = 0.00006) และการเสียชีวิตจากมะเร็งเต้านม (RR 0.80, 95% CI 0.67-0.95, 2p = 0.01) โดย 1,133 คนในจำนวนนี้เข้าร่วมในงานวิจัยซึ่งรักษาด้วย systemic therapy (cyclophosphamide, methotrexate และ fluorouracil หรือ tamoxifen) แก่ทั้งสองกลุ่ม ซึ่งการฉายแสงสามารถลดการเป็นซ้ำเฉพาะที่ (2p < 0.00001), การเป็นซ้ำโดยรวม (RR 0.67, 95% CI 0.55-0.82, 2p = 0.00009) และการเสียชีวิตจากมะเร็งเต้านม (RR 0.78, 95% CI 0.64-0.94, 2p = 0.01) สอดคล้องกับผลลัพธ์ในผู้ป่วย 1,772 คนซึ่งเลาะต่อมน้ำเหลืองและพบ positive node ตั้งแต่ 4 ต่อมขึ้นไปพบว่า การฉายแสงลดการเป็นซ้ำเฉพาะที่ (2p < 0.00001), การเป็นซ้ำโดยรวม (RR 0.79, 95% CI 0.69-0.90, 2p = 0.0003) และการเสียชีวิตจากมะเร็งเต้านม (RR 0.87, 95% CI 0.77-0.99, 2p = 0.04)

การฉายแสงหลังตัดเต้านมและเลาะต่อมน้ำเหลืองสามารถลดการเป็นซ้ำและการเสียชีวิตจากมะเร็งเต้านมในผู้หญิงที่มี lymph node ตั้งแต่ 1-3 ต่อมแม้ได้รับ systemic therapy ซึ่งสำหรับผู้หญิงปัจจุบันที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นซ้ำต่ำกว่าอาจได้ absolute gains ที่ต่ำกว่า แต่มี proportional gains ที่มากกว่าจากการฉายแสงที่มีประสิทธิภาพดีขึ้น