น้ำตาลในเลือดต่ำหลังได้รับยาต้านจุลชีพในผู้ป่วยอายุมากที่รักษาด้วย Sulfonylureas

น้ำตาลในเลือดต่ำหลังได้รับยาต้านจุลชีพในผู้ป่วยอายุมากที่รักษาด้วย Sulfonylureas

JAMA Intern Med. 2014;174(10):1605-1612.

บทความเรื่อง Hypoglycemia after Antimicrobial Drug Prescription for Older Patients Using Sulfonylureas รายงานว่า ยาต้านจุลชีพบางตัวมีปฏิกิริยากับ sulfonylureas และทำให้มีความเสี่ยงสูงขึ้นต่อภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ นักวิจัยได้ศึกษาความเสี่ยงต่อภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องในผู้ป่วยอายุมากที่ได้รับ glipizide หรือ glyburide ร่วมกับยาต้านจุลชีพ โดยศึกษาจากข้อมูลการเบิกจ่ายใน Medicare ของมลรัฐเท็กซัสระหว่างปี ค.ศ. 2006-2009 ในผู้ป่วยอายุ 66 ปีหรือมากกว่าซึ่งได้รับ glipizide หรือ glyburide ร่วมกับยาต้านจุลชีพตัวใดตัวหนึ่งจาก 16 ตัวที่มักสั่งจ่าย

นักวิจัยติดตามเหตุการณ์ของภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องในผู้ป่วยที่ได้รับยาต้านจุลชีพที่คาดว่ามีปฏิกิริยากับ sulfonylureas โดยใช้ยาต้านจุลชีพที่ไม่มีปฏิกิริยาเป็นตัวเปรียบเทียบ และวัดผลซ้ำโดยควบคุมปัจจัยด้านอายุ เพศ เชื้อชาติ เกณฑ์ Medicaid โรคร่วม ประวัติการรักษายังแผนกฉุกเฉินเนื่องจากน้ำตาลในเลือดต่ำ ประวัติการรักษาในโรงพยาบาลจากทุกสาเหตุ พักในสถานสงเคราะห์ และมีข้อบ่งใช้ยาต้านจุลชีพ โดยประเมินค่า odds ของภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ number needed to harm การเสียชีวิตระหว่างรักษาในโรงพยาบาลเนื่องจากน้ำตาลในเลือดต่ำ และค่าใช้จ่ายจากการรักษาภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ผลลัพธ์หลัก ได้แก่ การรักษาในโรงพยาบาลหรือแผนกฉุกเฉินเนื่องจากภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำภายใน 14 วันหลังได้รับยาต้านจุลชีพ

ผลการวิเคราะห์พหุตัวแปรที่ควบคุมปัจจัยด้านลักษณะของผู้ป่วยและข้อบ่งใช้ยาต้านจุลชีพพบว่า clarithromycin (OR 3.96 [95% CI 2.42-6.49]), levofloxacin (OR 2.60 [95% CI 2.18-3.10]), sulfamethoxazole-trimethoprim (OR 2.56 [95% CI 2.12-3.10]), metronidazole (OR 2.11 [95% CI 1.28-3.47]) และ ciprofloxacin (OR 1.62 [95% CI 1.33-1.97]) สัมพันธ์กับอัตราที่สูงขึ้นของภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำเทียบกับยาต้านจุลชีพที่ไม่มีปฏิกิริยา โดย number needed to harm อยู่ระหว่าง 71 สำหรับ clarithromycin ถึง 334 สำหรับ ciprofloxacin ปัจจัยด้านผู้ป่วยที่สัมพันธ์กับน้ำตาลในเลือดต่ำประกอบด้วยอายุมาก เพศหญิง มีเชื้อสายแอฟริกันหรือฮิสแปนิก มีโรคร่วมมาก และมีประวัติน้ำตาลในเลือดต่ำ ในปี ค.ศ. 2009 พบว่า 28.3% ของผู้ป่วยที่ได้รับ sulfonylurea ได้รับยาต้านจุลชีพ 1 ใน 5 ตัวดังกล่าว ซึ่งสัมพันธ์กับอัตรา 13.2% ของเหตุการณ์ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำทั้งหมดในผู้ป่วยที่ได้รับ sulfonylureas การรักษาภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำทำให้มีค่าใช้จ่ายสูงขึ้น 30.54 ดอลลาร์ต่อการสั่งจ่ายยาต้านจุลชีพตัวใดตัวหนึ่งใน 5 ตัวดังกล่าวแก่ผู้ป่วยที่รักษาด้วย sulfonylureas

ข้อมูลจากการศึกษาในสหรัฐอเมริกาชี้ว่า การจ่ายยาต้านจุลชีพที่มีปฏิกิริยาแก่ผู้ป่วยที่ได้รับ sulfonylureas เกิดขึ้นบ่อยมาก และสัมพันธ์กับการเจ็บป่วยและค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น