ยาเม็ดคุมกำเนิดและการเสียชีวิตหลังติดตาม 36 ปี

ยาเม็ดคุมกำเนิดและการเสียชีวิตหลังติดตาม 36 ปี

BMJ 2014;349:g6356. 

            บทความเรื่อง Oral Contraceptive Use and Mortality after 36 Years of Follow-Up in the Nurses’ Health Study: Prospective Cohort Study รายงานข้อมูลจากการศึกษาแบบ prospective cohort study เพื่อศึกษาว่าการใช้ยาคุมกำเนิดแบบยารับประทานสัมพันธ์กับการเสียชีวิตจากทุกสาเหตุหรือการเสียชีวิตจำเพาะโรคหรือไม่ โดยติดตามจากการศึกษา Nurses’ Health Study ระหว่างปี ค.ศ. 1976-2012 จากกลุ่มตัวอย่าง 121,701 คน ซึ่งติดตามเป็นระยะเวลา 36 ปี และการติดตามการใช้ยาคุมกำเนิดทำทุก 2 ปีระหว่างปี ค.ศ. 1976-1982  

            ผลลัพธ์หลัก ได้แก่ การเสียชีวิตโดยรวมและการเสียชีวิตจำเพาะสาเหตุประเมินจากการติดตามจนถึงปี ค.ศ. 2012 ค่า relative risks ของการเสียชีวิตจากทุกสาเหตุและการเสียชีวิตจำเพาะสาเหตุจากการใช้ยาคุมกำเนิดคำนวณจากตัวแบบ Cox proportional hazards models

            จากผู้หญิง 121,577 คน ซึ่งมีข้อมูลการใช้ยาคุมกำเนิดพบว่า 63,626 คนไม่เคยใช้ยา (52%) และ 57,951 คนเคยใช้ยา (48%) และพบการเสียชีวิต 31,286 รายหลังจาก 3.6 million person years จากการศึกษาไม่พบความสัมพันธ์ระหว่างการใช้ยาคุมกำเนิดและการเสียชีวิตจากทุกสาเหตุ แต่พบว่าการเสียชีวิตจากเหตุรุนแรงและอุบัติเหตุพบมากกว่าในกลุ่มที่เคยใช้ยา (hazard ratio 1.20, 95% confidence interval 1.04-1.37) ระยะการใช้ยาที่นานกว่าสัมพันธ์กับการเสียชีวิตจากสาเหตุบางประการรวมถึงการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรจากโรคมะเร็งเต้านม (test for trend p < 0.0001) และอัตราที่ต่ำลงของมะเร็งรังไข่ (p = 0.002) ระยะเวลาที่นานกว่านับตั้งแต่การใช้ยาครั้งสุดท้ายสัมพันธ์กับผลลัพธ์บางประการ รวมถึงการเสียชีวิตจากเหตุรุนแรงหรืออุบัติเหตุ (p = 0.005)

            การเสียชีวิตจากทุกสาเหตุไม่ต่างกันอย่างมีนัยสำคัญระหว่างผู้หญิงที่เคยใช้ยาคุมกำเนิดและผู้หญิงที่ไม่เคยใช้ ยาคุมกำเนิดแบบยารับประทานสัมพันธ์กับสาเหตุบางประการของการเสียชีวิต รวมถึงอัตราที่สูงขึ้นของการเสียชีวิตจากเหตุรุนแรงหรืออุบัติเหตุและการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งเต้านม ขณะที่การเสียชีวิตจากโรคมะเร็งรังไข่พบได้น้อยกว่าในผู้หญิงที่ใช้ยาคุมกำเนิด ผลลัพธ์ดังกล่าวเป็นผลจากยาคุมกำเนิดรุ่นเก่าซึ่งมีขนาดฮอร์โมนที่สูงเทียบกับยารุ่นที่ 3 และ 4 ซึ่งมีขนาดเอสโตรเจนต่ำกว่าและใช้กันแพร่หลายในปัจจุบัน