Vemurafenib ร่วมกับ Cobimetinib สำหรับรักษา BRAF-Mutated Melanoma

Vemurafenib ร่วมกับ Cobimetinib สำหรับรักษา BRAF-Mutated Melanoma

N Engl J Med 2014;371:1867-1876.

บทความเรื่อง Combined Vemurafenib and Cobimetinib in BRAF-Mutated Melanoma รายงานว่า การยับยั้ง BRAF และ MEK เชื่อว่าจะเพิ่มผลลัพธ์ทางคลินิกในผู้ป่วยมะเร็งผิวหนัง melanoma จากการป้องกันหรือชะลอการต่อต้านจากการรักษาด้วย BRAF inhibitors อย่างเดียว

การศึกษานี้ประเมินผลของการรักษาด้วย vemurafenib ซึ่งเป็น BRAF inhibitor ร่วมกับ cobimetinib ซึ่งเป็น MEK inhibitor โดยสุ่มให้ผู้ป่วย BRAF V600 mutation-positive melanoma ลุกลามเฉพาะที่หรือแพร่กระจาย 495 คน ซึ่งไม่เคยได้รับการรักษาและไม่สามารถผ่าตัดได้รับการรักษาด้วย vemurafenib และ cobimetinib (กลุ่ม combination) หรือ vemurafenib และยาหลอก (กลุ่มควบคุม) และจุดยุติปฐมภูมิ ได้แก่ การรอดชีวิตโดยโรคสงบประเมินโดยนักวิจัย

มัธยฐานการรอดชีวิตโดยโรคสงบเท่ากับ 9.9 เดือนในกลุ่ม combination และ 6.2 เดือนในกลุ่มควบคุม (hazard ratio สำหรับการเสียชีวิตหรือการลุกลาม 0.51; 95% CI 0.39-0.68; p < 0.001) อัตราของ complete หรือ partial response ในกลุ่ม combination เท่ากับ 68% เทียบกับ 45% ในกลุ่มควบคุม (p < 0.001) โดยมี complete response เท่ากับ 10% ในกลุ่ม combination และ 4% ในกลุ่มควบคุม การรอดชีวิตโดยโรคสงบประเมินจากการทบทวนมีผลใกล้เคียงกับการประเมินโดยนักวิจัย จาก interim analyses ของการรอดชีวิตโดยรวมพบว่ามีอัตราการรอดชีวิตที่ 9 เดือนเท่ากับ 81% (95% CI 75-87) ในกลุ่ม combination และ 73% (95% CI 65-80) ในกลุ่มควบคุม การรักษาด้วย vemurafenib และ cobimetinib สัมพันธ์กับอุบัติการณ์ที่สูงขึ้นอย่างไม่มีนัยสำคัญของเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ระดับ grade 3 หรือสูงกว่าเมื่อเทียบกับ vemurafenib และ placebo (65% vs. 59%) และไม่พบความแตกต่างที่มีนัยสำคัญด้านอัตราของการหยุดยาที่ศึกษา ทั้งนี้พบด้วยว่าจำนวนมะเร็งผิวหนังทุติยภูมิลดลงจากการรักษาด้วย vemurafenib และ cobimetinib

การรักษาด้วย vemurafenib ร่วมกับ cobimetinib สัมพันธ์กับการรอดชีวิตโดยโรคสงบที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในผู้ป่วย BRAF V600-mutated metastatic melanoma โดยที่ทำให้ผลข้างเคียงสูงขึ้นบ้าง