เปิดขั้นตอน North Sky Doctor สู่ความสำเร็จในการช่วยผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติกว่า 100 ราย
เปิดขั้นตอน "การลำเลียงผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติทางอากาศยานในพื้นที่ภาคเหนือ (North Sky Doctor) สู่ความสำเร็จในการช่วยผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติกว่า 100 ราย ระบุนำเทคโนโลยีการสื่อสารมาประยุกต์ใช้ให้เป็นประโยชน์ ลดเวลาการประสานงาน เร่งพัฒนาทีมแพทย์ให้มีความพร้อมอยู่เสมอ
ในการจัดประชุมคณะกรรมการการแพทย์ฉุกเฉิน (กพฉ.) สัญจร ครั้งที่ 6 ประจำปี พ.ศ. 2558 ที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งจัดขึ้นโดยสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ระหว่างวันที่ 12-14 มีนาคม ที่ผ่านมา กพฉ. และคณะได้เดินทางไปชมการสาธิตการลำเลียงผู้ป่วยฉุกเฉินโดยอากาศยานที่กองบิน 41 ซึ่งใช้ในการลำเลียงผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติที่จำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน โดยส่วนใหญ่เป็นการลำเลียงผู้ป่วยไปยังสถานพยาบาลที่มีศักยภาพสูงกว่า
นพ.อนุชา เศรษฐเสถียร เลขาธิการ สพฉ. กล่าวว่า การช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติทางอากาศยาน เริ่มขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 โดยความร่วมมือระหว่าง สพฉ. กระทรวงสาธารณสุข กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โรงพยาบาลกรุงเทพ บริษัทกานต์นิธิเอวิเอชั่น ฯลฯ ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสการรอดชีวิตของผู้ป่วยฉุกเฉิน โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ทุรกันดาร พื้นที่ห่างไกล หรือพื้นที่ที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายผู้ป่วยด้วยพาหนะปกติได้ โดยปัจจุบันมีอากาศยานที่ใช้ในการปฏิบัติการฉุกเฉินประมาณ 100 ลำ และมีจุดศูนย์กลางการลำเลียงผู้ป่วยฉุกเฉินทางอากาศยาน 6 จุดใน 5 ภูมิภาค ภาคเหนือที่เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน ภาคะวันออกเฉียงเหนือที่นครราชสีมา ภาคกลางที่กรุงเทพมหานคร ภาคใต้ตอนบนที่สุราษฎร์ธานี และภาคใต้ตอนล่างที่ปัตตานี โดยตั้งแต่เริ่มใช้สามารถช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติได้กว่า 190 ราย
สำหรับพื้นที่ภาคเหนือตอนบนถือเป็นพื้นที่ต้นแบบที่มีการพัฒนาการลำเลียงผู้ป่วยฉุกเฉินได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ที่มีการลำเลียงผู้ป่วยฉุกเฉินทางอากาศยานมากที่สุด เนื่องด้วยลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาที่ทำให้บางครั้งการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยด้วยรถพยาบาลฉุกเฉินปกติต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง ส่งผลต่อโอกาสการรอดชีวิตของผู้ป่วยฉุกเฉินที่อยู่ในภาวะวิกฤติ โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง โรคหัวใจและหลอดเลือดเฉียบพลัน ผู้ป่วยที่ได้รับอุบัติเหตุโดยเฉพาะบาดเจ็บทางศีรษะที่ต้องได้รับการผ่าตัดสมองอย่างเร่งด่วน โดยขั้นตอนของการขอใช้นั้นจะต้องได้รับการประเมินจากแพทย์อำนวยการในพื้นที่หรือแพทย์ที่รักษาว่าจำเป็นต้องลำเลียงหรือเคลื่อนย้ายผู้ป่วยฉุกเฉินด้วยอากาศยานเพื่อประโยชน์ต่อการช่วยชีวิตหรือป้องกันความพิการที่อาจเกิดขึ้นจากการบาดเจ็บหรือเจ็บป่วยฉุกเฉินได้ จากนั้นจะมีการประสานงานกับศูนย์รับแจ้งเหตุและสั่งการจังหวัด (ศูนย์ 1669) หรือ สพฉ. เพื่อประเมินความเหมาะสม ให้คำแนะนำในการเตรียมผู้ป่วยฉุกเฉินก่อนการลำเลียงทางอากาศ และขออนุมัติลำเลียงภายในเวลา 10 นาที และนอกจากการลำเลียงผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติแล้ว ยังมีการใช้อากาศยานทางการแพทย์ลำเลียงยาหรือเวชภัณฑ์ รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์เพื่อการช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉิน รวมทั้งการขนย้ายอวัยวะหรือชิ้นส่วนของมนุษย์เพื่อการช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินด้วย
ด้าน นพ.บุญฤทธิ์ คำทิพย์ แพทย์เวชศาสตร์ฉุกเฉิน โรงพยาบาลนครพิงค์ กล่าวว่า จากสถิติการลำเลียงผู้ป่วยฉุกเฉินในเขตพื้นที่ภาคเหนือตั้งแต่ปี พ.ศ. 2553-มีนาคม พ.ศ. 2558 สามารถช่วยเหลือลำเลียงผู้ป่วยฉุกเฉินได้กว่า 100 ราย รอดชีวิตถึง 83 ราย ส่วนใหญ่ลำเลียงมาจากโรงพยาบาลต้นทางในจังหวัดแม่ฮ่องสอน น่าน และอำเภอรอบนอกของจังหวัดเชียงใหม่ มายังโรงพยาบาลปลายทางคือ โรงพยาบาลนครพิงค์ โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ และโรงพยาบาลประสาท มีพาหนะเป็นอากาศยานทั้งเครื่องบินและเฮลิคอปเตอร์ โดยผู้ป่วยฉุกเฉินทุกรายไม่ต้องรับภาระค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น
ทั้งนี้ การลำเลียงผู้ป่วยฉุกเฉินในพื้นที่ภาคเหนือได้มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเรื่องของเวลาในการประสานงาน ทางจังหวัดเชียงใหม่จึงได้ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีทางการสื่อสารให้เป็นประโยชน์ โดยจัดทำกรุ๊ปไลน์ north sky doctor เพื่อใช้ในการติดต่อประสานงานการลำเลียงผู้ป่วยฉุกเฉินโดยเฉพาะ ส่งผลให้การประสานงานและการสั่งการลำเลียงผู้ป่วยมีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาทีมและอุปกรณ์ให้มีความพร้อมอยู่เสมอ