บริโภคเครื่องดื่มผสมน้ำตาล และอุบัติการณ์โรคเบาหวานชนิดที่ 2

บริโภคเครื่องดื่มผสมน้ำตาล และอุบัติการณ์โรคเบาหวานชนิดที่ 2

BMJ 2015;351:h3576.

บทความเรื่อง Consumption of Sugar Sweetened Beverages, Artificially Sweetened Beverages, and Fruit Juice and Incidence of Type 2 Diabetes: Systematic Review, Meta-Analysis, and Estimation of Population Attributable Fraction รายงานผลการศึกษาแบบ systematic review และ meta-analysis ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการบริโภคเครื่องดื่มผสมน้ำตาล เครื่องดื่มผสมสารให้ความหวาน หรือน้ำผลไม้ต่อโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ทั้งก่อนและหลังการปรับตามระดับไขมัน และเพื่อหาค่า population attributable fraction สำหรับโรคเบาหวานชนิดที่ 2 จากการบริโภคเครื่องดื่มผสมน้ำตาลในสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร

แหล่งข้อมูลในการศึกษาประกอบด้วย PubMed, Embase, Ovid และ Web of Knowledge โดยรวบรวมการศึกษาแบบ prospective study ในผู้ใหญ่ที่ไม่เป็นโรคเบาหวานและตีพิมพ์จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2014 ค่า population attributable fraction ประมาณจากผลลัพธ์การสำรวจในสหรัฐอเมริการะหว่างปี ค.ศ. 2009-2010 (n = 4,729 แทนผู้ใหญ่ที่ไม่เป็นโรคเบาหวาน 189.1 ล้านคน) และในสหราชอาณาจักรระหว่างปี ค.ศ. 2008-2012 (n = 1,932 แทน 44.7 ล้านคน) โดยใช้วิธี random effects meta-analysis และ survey analysis หาค่า population attributable fraction ที่สัมพันธ์กับการบริโภคเครื่องดื่มผสมน้ำตาล

ข้อมูลได้จาก 17 cohorts (38,253 cases/10,126,754 person years) การบริโภคเครื่องดื่มผสมน้ำตาลในปริมาณที่มากขึ้นสัมพันธ์กับอุบัติการณ์ที่สูงขึ้นต่อโรคเบาหวานชนิดที่ 2 โดยสูงขึ้น 18% ต่อหนึ่งหน่วยบริโภค/วัน (95% CI 9%-28%, I2 for heterogeneity = 89%) และ 13% (6%-21%, I2 = 79%) ก่อนและหลังปรับตามไขมันสะสม สำหรับเครื่องดื่มผสมสารให้ความหวานเท่ากับ 25% (18%-33%, I2 = 70%) และ 8% (2%-15%, I2 = 64%) และสำหรับน้ำผลไม้เท่ากับ 5% (-1% to 11%, I2 = 58%) และ 7% (1%-14%, I2 = 51%) โดยไม่พบสาเหตุต่อความแตกต่างหรืออคติสำหรับเครื่องดื่มผสมน้ำตาล ขณะที่พบอคติจากการตีพิมพ์และปัจจัยรบกวนที่หลงเหลืออยู่สำหรับเครื่องดื่มผสมสารให้ความหวาน สำหรับน้ำผลไม้พบว่าผลลัพธ์ไม่มีนัยสำคัญในการศึกษาที่ศึกษาโรคเบาหวานชนิดที่ 2 โดยปราศจากคติ (p for heterogeneity = 0.008) จากข้อมูลดังกล่าวนำมาสู่สมมติฐานว่า จะมีผู้ป่วยโรคเบาหวานจากการบริโภคเครื่องดื่มผสมน้ำตาล 1.8 ล้านราย (population attributable fraction 8.7%, 95% CI 3.9%-12.9%) จากตัวเลขคาดการณ์ผู้ป่วย 20.9 ล้านรายของสหรัฐอเมริกาในอีก 10 ปีข้างหน้า (absolute event rate 11.0%) และ 79,000 ราย (population attributable fraction 3.6%, 1.7%-5.6%) จาก 2.6 ล้านรายในสหราชอาณาจักร (absolute event rate 5.8%)

การบริโภคเครื่องดื่มผสมน้ำตาลเป็นกิจวัตรสัมพันธ์กับอุบัติการณ์ที่สูงขึ้นของโรคเบาหวานชนิดที่ 2 โดยไม่เป็นผลจากระดับไขมันสะสม และแม้เครื่องดื่มผสมสารให้ความหวานและน้ำผลไม้มีความสัมพันธ์เป็นบวกกับอุบัติการณ์ของโรคเบาหวานชนิดที่ 2 แต่ข้อมูลดังกล่าวก็อาจเป็นผลจากอคติ อย่างไรก็ดี ยังคงถือว่าเครื่องดื่มผสมสารให้ความหวานและน้ำผลไม้ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีกว่าเครื่องดื่มผสมน้ำตาลสำหรับการป้องกันโรคเบาหวานชนิดที่ 2 และจากการตั้งสมมติฐานสาเหตุชี้ว่า การบริโภคเครื่องดื่มผสมน้ำตาลติดต่อกันเป็นเวลาหลายปีอาจสัมพันธ์กับตัวเลขที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของผู้ป่วยเบาหวานรายใหม่