การรักษาด้วยสแตตินขนาดสูงในหลอดเลือดหัวใจตีบที่ทรงตัว

การรักษาด้วยสแตตินขนาดสูงในหลอดเลือดหัวใจตีบที่ทรงตัว

Circulation. 2013;127:2485-2493

            บทความเรื่อง High-Dose Statin Therapy in Patients With Stable Coronary Artery Disease: Treating the Right Patients Based on Individualized Prediction of Treatment Effect รายงานว่า แพทย์จำเป็นต้องระบุผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบซึ่งการรักษาด้วยสแตตินขนาดสูงเทียบกับขนาดปกติได้ประโยชน์คุ้มค่ากับผลเสียที่อาจเกิดขึ้น นักวิจัยจึงพัฒนาตัวแบบเพื่อพยากรณ์ผลลัพธ์การรักษาที่เพิ่มขึ้นจากสแตตินขนาดสูงสำหรับผู้ป่วยรายคนในด้านการลด 5-year absolute risk ต่อกล้ามเนื้อหัวใจตาย, สโตรค, การตายจากโรคหลอดเลือดหัวใจ หรือการฟื้นหัวใจ

            นักวิจัยใช้ข้อมูลจากการศึกษา Treating to New Targets trial (TNT; n = 10,001) สร้าง Cox proportional hazards model ประกอบด้วยตัวพยากรณ์ทางคลินิกที่ประเมินได้ง่าย 13 ตัว ได้แก่ อายุ, เพศ, การสูบบุหรี่, โรคเบาหวาน, คอเลสเตอรอล, คอเลสเตอรอลชนิด high-density lipoprotein cholesterol, ความดันเลือดซิสโตลิก, ประวัติกล้ามเนื้อหัวใจตาย, การผ่าตัดหลอดเลือดหัวใจบายพาส, หัวใจวายชนิดเลือดคั่งหรือโรคหลอดเลือดแดงเอออร์ตาโป่งพองในช่องท้อง, อัตรากรองไต และสถานะการรักษา (atorvastatin 80 mg หรือ 10 mg) โดย external validation ในการศึกษา Incremental Decrease in End Points Through Aggressive Lipid Lowering (IDEAL; n = 8,888) ยืนยันว่ามีค่า goodness-of-fit และการสอบเทียบที่เพียงพอ แต่มีค่าอำนาจจำแนกปานกลาง (C-statistic, 0.63; 95% confidence interval, 0.62-0.65) ตัวแบบได้ระบุกลุ่มผู้เข้าร่วมวิจัย 11.7% ซึ่งมีค่าพยากรณ์ 5-year number needed to treat ≤ 25 และกลุ่มผู้เข้าร่วมวิจัย 41.9% ซึ่งค่า needed to treat อยู่ที่ ≥ 50 จากจำนวนผู้เข้าร่วมวิจัยในทั้งสองการศึกษารวมกัน โดย decision curve ชี้ว่า การพิจารณาการรักษาตามค่าพยากรณ์จากตัวแบบที่พัฒนาขึ้นนี้อาจช่วยเพิ่มประโยชน์แท้จริงได้

            การประมาณค่าผลลัพธ์การรักษาที่เพิ่มขึ้นจากสแตตินขนาดสูงเทียบกับขนาดปกติในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบช่วยให้สามารถคัดเลือกผู้ป่วยความเสี่ยงสูงซึ่งจะได้รับประโยชน์สูงสุดจากการรักษาที่เข้มข้นกว่า