การสูดสำลักควัน (Inhalation Injury)

การสูดสำลักควัน (Inhalation Injury)

ปัณฑิตา อุตรสฤษฏิกุล, นักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่ 6 
นพ.ไชยพร ยุกเซ็น, อาจารย์แพทย์ 
ผศ.พญ.รพีพร โรจน์แสงเรือง, อาจารย์แพทย์ 
ภาควิชาเวชศาสตร์ฉุกเฉิน คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี

ผู้ป่วยหญิงไทยคู่ อายุ 58 ปี อาชีพค้าขาย มาโรงพยาบาลเนื่องจากถูกแก๊สหุงต้มระเบิดใส่เมื่อ 1 ชั่วโมงก่อนมาโรงพยาบาลในขณะที่กำลังเก็บร้านขายของ ผู้ป่วยพยายามปิดวาล์วแก๊สแต่ปิดไม่ได้ ซึ่งขณะเดียวกันได้มีรถจักรยานยนต์วิ่งผ่านมา หลังจากนั้นก็เกิดเปลวไฟลุกขึ้นจากถังแก๊สทันที ไฟลุกติดตัวผู้ป่วย ผู้เห็นเหตุการณ์ช่วยกันดับไฟ และเรียกหน่วยกู้ภัยเพื่อนำส่งโรงพยาบาล

            ขณะมาถึงโรงพยาบาลผู้ป่วยรู้สึกตัวดี มีกลิ่นแก๊สหุงต้มติดตามตัว เสื้อผ้าไหม้ มีผมบางส่วนถูกไฟไหม้ ร่างกายส่วนที่อยู่นอกเสื้อผ้าบวมแดง และผิวหนังบางส่วนมีลักษณะเป็นถุงน้ำ

            ตรวจร่างกายแรกรับ สัญญาณชีพอยู่ในเกณฑ์ปกติ พูดคุยได้ปกติ การหายใจปกติ ตรวจลักษณะภายนอกพบบาดแผลไฟไหม้หลายแห่ง ได้แก่ บริเวณใบหน้า ลำคอ แขนขาทั้งสองข้าง แผ่นหลัง และบริเวณก้น ผิวหนังบางส่วนมีลักษณะแดงอย่างเดียว แต่บางส่วนมีลักษณะเป็นถุงน้ำร่วมด้วย ตรวจร่างกายเพิ่มเติมพบมีขนจมูกไหม้บางส่วน และมีเสียงแหบเล็กน้อย

หลังจากการประเมินเบื้องต้น คิดว่าผู้ป่วยมีบาดแผลไฟไหม้อยู่ในระดับ 2 กินพื้นที่ประมาณ 50% ของพื้นที่ผิวกาย และอาจจะมีภาวะของการสำลักควัน (inhalation injury) ร่วมด้วย แพทย์ประจำห้องฉุกเฉินได้ทำการเจาะเลือดเพื่อประเมินภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น และได้ทำการเปิดเส้นให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ จากนั้นได้ปรึกษาแพทย์ศัลยกรรมอุบัติเหตุให้มาช่วยประเมินและวางแผนการรักษาต่อไป

อภิปราย

            ผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บจากเปลวไฟ หรือถูกความร้อนจากเปลวไฟ สิ่งแรกที่จะต้องทำคือ การประเมินเบื้องต้น (primary survey) ได้แก่ การประเมินทางเดินหายใจ (airway), การหายใจ (breathing) และระบบไหลเวียนเลือด (circulation) เพื่อประเมินว่าผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับการช่วยหายใจหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ป่วยที่เสี่ยงต่อการเกิด inhalation injury

หลังจากทำการรักษาจนผู้ป่วยปลอดภัยแล้วจะต้องมีการประเมินความรุนแรงของโรค โดยสิ่งที่ควรประเมินได้แก่

            1. ชนิดของการไหม้ แบ่งได้เป็น 5 ประเภท1 คือ

            - (thermal) (flame), (scald)

            - (electrical) 

            - (chemical)

            - (inhalation)

            - (radiation)

            2. rule of  9” (1) Lund and Browder (2)

            3. 3 first degree burn, second degree burn (superficial, deep) third degree burn (3, 4, 5)

            ภาพที่ 1 การประเมินบาดแผลไหม้โดยใช้ rule of 9

            ภาพที่ 2 การประเมินบาดแผลไหม้ในเด็กโดยใช้ Lund and Browder

            ภาพที่ 3 superficial degree burn (epidermal)

- ทำลายแค่ epidermis

- ผิวหนังแดง (sunburn), pain

- ใช้เวลารักษาประมาณ 1 สัปดาห์

ภาพที่ 4 second degree burn (partial thickness)

#superficial second degree

- epidermis + superficial dermis

- ตุ่มน้ำ, ปวด

- รักษา 14-21 วัน

#deep second degree

- epidermis + superficial + deep part dermis บางส่วน

- ผิวหนังซีดขาว แต่ยังนิ่ม

- รักษา 3-8 สัปดาห์

- มีแผลเป็น

ภาพที่ 5 third degree burn (full thickness)

- ถูกทำลายทุกชั้น

- ผิวหนังแข็ง ไม่เจ็บ

- มี wound contraction

* * * รายละเอียดเพิ่มเติมตามเอกสารแนบ * * *

 

รายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่