Clopidogrel และ Aspirin ต่อปวดไมเกรนหลังปิดรูรั่วผนังหัวใจห้องบน
JAMA. Published online November 9, 2015.
บทความเรื่อง Effect of Clopidogrel and Aspirin vs Aspirin Alone on Migraine Headaches after Transcatheter Atrial Septal Defect Closure: The CANOA Randomized Clinical Trial รายงานว่า การเกิดปวดศีรษะไมเกรนเป็นภาวะแทรกซ้อนหลังการปิดรูรั่วผนังหัวใจห้องบน หรือ atrial septal defect (ASD) ผ่านสายสวน โดยมีข้อเสนอแนะว่า clopidogrel อาจลดไมเกรนหลังปิด ASD ได้
งานวิจัยนี้ได้ประเมินประสิทธิผลของ clopidogrel ซึ่งให้ร่วมกับ aspirin สำหรับป้องกันไมเกรนหลังการปิด ASD ในผู้ป่วย 171 รายซึ่งมีข้อบ่งชี้ของการปิด ASD และไม่มีประวัติไมเกรนจากโรงพยาบาลวิทยาลัยแพทย์ 6 แห่งในประเทศแคนาดา ผู้ป่วยได้รับการสุ่มเป็นกลุ่มที่รักษาด้วย aspirin + clopidogrel (กลุ่ม clopidogrel, n = 84) หรือกลุ่มที่ได้รับ aspirin + ยาหลอก (กลุ่มยาหลอก, n = 87) เป็นระยะเวลา 3 เดือนหลังการปิด ASD ผ่านทางสายสวน ผู้ป่วยรายแรกรวบรวมเมื่อเดือนธันวาคม ค.ศ. 2008 และการติดตามสุดท้ายเสร็จสิ้นในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2015
ผลลัพธ์หลักด้านประสิทธิผล ได้แก่ จำนวนวันที่เกิดไมเกรนในแต่ละเดือนภายใน 3 เดือนหลังปิด ASD ในกลุ่มประชากรทั้งหมด โดยจุดยุติทุติยภูมิจำเพาะมาก่อน ได้แก่ อุบัติการณ์และความรุนแรงของไมเกรนที่พบใหม่ประเมินจากแบบสำรวจ Migraine Disability Assessment และวิเคราะห์ข้อมูลด้วยตัวแบบ zero-inflated Poisson regression model
ค่าเฉลี่ย (SD) อายุของอาสาสมัครเท่ากับ 49 (15) ปี และ 62% (106 ราย) เป็นผู้หญิง ผู้ป่วยในกลุ่ม clopidogrel มีค่าเฉลี่ย (SD) จำนวนวันที่เกิดไมเกรนภายใน 3 เดือนหลังการรักษาลดลง (0.4 วัน [95% CI 0.07-0.69]) vs กลุ่มยาหลอก (1.4 วัน [95% CI 0.54-2.26]; difference -1.02 วัน [95% CI -1.94 to -0.10 days]; incident risk ratio [IRR] 0.61 [95% CI 0.41-0.91]; p = 0.04) และมีอุบัติการณ์ที่ต่ำกว่าของการเกิดไมเกรนหลังปิด ASD (9.5% สำหรับกลุ่ม clopidogrel vs 21.8% สำหรับกลุ่มยาหลอก; difference -12.3% [95% CI -23% to -1.6%]; odds ratio [OR] 0.38 [95% CI 0.15-0.89]; p = 0.03) ในผู้ป่วยที่เกิดไมเกรนพบว่า ผู้ป่วยในกลุ่ม clopidogrel มีความรุนแรงของอาการน้อยกว่า (ไม่พบผู้ป่วยอาการปานกลางหรือรุนแรง vs 37% [7 ราย] ในกลุ่มยาหลอก; difference -36.8% [95% CI -58.5% to -15.2%]; p = 0.046) จากการศึกษาไม่พบผลต่างด้านอัตราผู้ป่วยที่เกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์อย่างน้อย 1 เหตุการณ์ (16.7% [14 ราย] ในกลุ่ม clopidogrel vs 21.8% [19 ราย] ในกลุ่มยาหลอก; difference -5.2% [95% CI -17% to 6.6%]; p = 0.44)
ในกลุ่มผู้ป่วยที่ปิด ASD ผ่านสายสวนพบว่า การรักษาด้วย clopidogrel และ aspirin เมื่อเทียบกับการรักษาด้วย aspirin อย่างเดียวมีความถี่ที่น้อยกว่าของการเกิดไมเกรนในช่วงระยะเวลา 3 เดือน ทั้งนี้ควรมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อประเมินการอ้างอิงถึงประชากรทั่วไปและความคงทนของผลลัพธ์