Vericiguat ต่อระดับ Natriuretic Peptide ในหัวใจล้มเหลวเรื้อรัง และ Ejection Fraction ต่ำ

Vericiguat ต่อระดับ Natriuretic Peptide ในหัวใจล้มเหลวเรื้อรัง และ Ejection Fraction ต่ำ

JAMA. 2015;314(21):2251-2262.

บทความเรื่อง Effect of Vericiguat, a Soluble Guanylate Cyclase Stimulator, on Natriuretic Peptide Levels in Patients with Worsening Chronic Heart Failure and Reduced Ejection Fraction: The SOCRATES-REDUCED Randomized Trial รายงานว่า โรคหัวใจล้มเหลวเรื้อรังที่มีอาการทรุดลงเป็นหนึ่งในปัญหาสำคัญด้านสาธารณสุข การศึกษานี้ได้ประเมินขนาดยาที่เหมาะสมและความทนต่อยาของ vericiguat ซึ่งเป็น soluble guanylate cyclase stimulator ในผู้ป่วยหัวใจล้มเหลวเรื้อรังที่อาการทรุดลงและมี left ventricular ejection fraction (LVEF) ลดลง

การศึกษา phase 2 นี้ได้ศึกษาจากผู้ป่วย 456 รายในยุโรป อเมริกาเหนือ และเอเชีย ระหว่างเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2013 ถึงเดือนมกราคม ค.ศ. 2015 โดยเสร็จสิ้นการติดตามในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2015 ผู้ป่วยมีอาการทรงตัว โดยมี LVEF น้อยกว่า 45% ภายใน 4 สัปดาห์ที่หัวใจล้มเหลวเรื้อรังทรุดลงโดยประเมินจากสัญญาณและอาการของการคั่งและระดับ natriuretic peptide ที่สูงขึ้น ซึ่งจำเป็นต้องรับเข้ารักษาในโรงพยาบาลหรือให้ diuretic ทางหลอดเลือดดำแบบผู้ป่วยนอก

การรักษาทำโดยให้ยาหลอก (n = 92) หรือ 1 ใน 4 ของ daily target doses ของ oral vericiguat (1.25 มิลลิกรัม [n = 91], 2.5 มิลลิกรัม [n = 91], 5 มิลลิกรัม [n = 91], 10 มิลลิกรัม [n = 91]) ในระยะ 12 สัปดาห์ จุดยุติปฐมภูมิ ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงจากเริ่มต้นถึงสัปดาห์ที่ 12 ด้าน log-transformed level ของ N-terminal pro-B-type natriuretic peptide (NT-proBNP) การวิเคราะห์ปฐมภูมิได้เปรียบเทียบผลลัพธ์กับยาหลอกในกลุ่มที่ได้รับ vericiguat ขนาดสูงสุด 3 กลุ่ม และการวิเคราะห์ทุติยภูมิได้ประเมินความสัมพันธ์แบบ dose response จาก vericiguat และจุดยุติปฐมภูมิ

มีผู้ป่วยที่สามารถประเมินผลด้านจุดยุติปฐมภูมิรวม 351 ราย (77.0%) โดยผู้ป่วยดังกล่าวเสร็จสิ้นการรักษาด้วยยาที่ศึกษา มีระดับ NT-proBNP 12 สัปดาห์ตามเกณฑ์ และไม่ได้เปลี่ยนโปรโตคอลการรักษาไปจากเดิมอย่างมีนัยสำคัญ จากการวิเคราะห์ปฐมภูมิพบว่า การเปลี่ยนแปลงด้านระดับ log-transformed NT-proBNP จากเริ่มต้นถึง 12 สัปดาห์ไม่ต่างกันอย่างมีนัยสำคัญระหว่างกลุ่มที่ได้รับ vericiguat (log-transformed: baseline 7.969; 12 weeks 7.567; difference −0.402; geometric means: baseline 2,890 pg/mL; 12 weeks 1,932 pg/mL) และกลุ่มที่ได้รับยาหลอก (log-transformed: baseline 8.283; 12 weeks 8.002; difference −0.280; geometric means: baseline 3,955 pg/mL; 12 weeks 2,988 pg/mL) (difference of means −0.122; 90% CI −0.32 to 0.07; ratio of geometric means 0.885; 90% CI 0.73-1.08; p = 0.15) และจากการวิเคราะห์ทุติยภูมิพบความสัมพันธ์แบบ dose response ซึ่งขนาดยา vericiguat ที่สูงกว่าสัมพันธ์กับการลดลงที่มากกว่าด้านระดับ NT-proBNP (p < 0.02)  อัตราของเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์เท่ากับ 77.2% และ 71.4% ในกลุ่มที่ได้รับยาหลอกและกลุ่มที่ได้รับ vericiguat 10 มิลลิกรัม ตามลำดับ

ข้อมูลจากผู้ป่วยหัวใจล้มเหลวเรื้อรังซึ่งอาการทรุดลงและมี LVEF ต่ำลงชี้ว่า vericiguat เมื่อเทียบกับยาหลอกไม่มีผลลัพธ์ที่มีนัยสำคัญทางสถิติด้านการเปลี่ยนแปลงของระดับ NT-proBNP ที่ 12 สัปดาห์ แต่มีความทนต่อยาที่ดี โดยเสนอแนะให้มีการศึกษาความสัมพันธ์แบบ dose response ของ vericiguat เพื่อศึกษาบทบาทของยาในผู้ป่วยกลุ่มนี้