คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
ศูนย์วิทยาการทางการแพทย์ ร่วมคืนชีวิตผู้ป่วยโรคซับซ้อน
โรคภัยไข้เจ็บเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอนว่าจะเกิดกับใคร เมื่อใด และร้ายแรงเพียงใด แม้จะดูแลรักษาสุขภาพเป็นอย่างดี แต่ความเสื่อมของร่างกายจากวัยที่ล่วงเลยไปนั้นหลีกเลี่ยงได้ยาก และอาจนำมาซึ่งอันตรายถึงชีวิตได้ เมื่อถึงเวลานั้น วิทยาการทางการแพทย์ที่มีประสิทธิภาพจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการรักษาชีวิตผู้ป่วย
ดังกรณีที่เกิดขึ้นกับ รศ.อัษฎางค์ ปาณิกบุตร อดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทย และอาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ที่มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงดีและชอบออกกำลังกายด้วยการเล่นฟุตบอล รศ.อัษฎางค์ เล่าว่า ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2550 ขณะนั้นอายุ 68 ปี วันหนึ่งรู้สึกปวดหลัง คิดว่าเป็นผลจากการเล่นฟุตบอลจึงไปซื้อยามากิน อาการปวดหลังก็หายไป แต่วันต่อมากลับปวดมากจนเดินไม่ได้ จึงให้ลูกชายเรียกรถพยาบาลนำส่งโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ผลการตรวจปัสสาวะและเลือดเบื้องต้นออกมาปกติและหายปวด จึงได้ยากลับมารับประทานที่บ้าน
หลังจากนั้นเพียง 2 วัน อาการปวดหลังอย่างรุนแรงก็กลับมาอีก จึงเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลแห่งเดิม ผลการตรวจด้วยอัลตราซาวนด์ไม่ชัดเจนว่าเป็นอะไร วันรุ่งขึ้นจึงได้รับการตรวจด้วยเครื่องซีทีสแกน พบว่าเส้นเลือดใหญ่ในช่องท้องด้านหลังไตบวมโตกว่าปกติถึง 5 เท่า และมีรอยปริแตก โรงพยาบาลจึงประสานงานกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและส่งตัวมารักษาที่โรงพยาบาลรามาธิบดี
เนื่องจากเส้นเลือดปริแตกจนมีเลือดออกมาในช่องท้องและทำให้เสียชีวิตได้ รศ.อัษฎางค์ จึงต้องเข้ารับการผ่าตัดด่วนท่ามกลางความเสี่ยงจากภาวะหัวใจวายหลังผ่าตัด และขณะที่อยู่ในห้องไอซียูมีอาการหัวใจเต้นผิดปกติจนทำให้ระบบต่าง ๆ ของร่างกายมีปัญหาตามมา ทั้งไตวายและน้ำท่วมปอด จนต้องใช้เครื่องช่วยหายใจและเครื่องฟอกไต โอกาสที่จะฟื้นและรอดชีวิตมีเพียง 10 เปอร์เซ็นต์
ด้วยความพยายามและความเอาใจใส่ของทีมแพทย์เฉพาะทางด้านต่าง ๆ และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องที่มาร่วมกันดูแลอย่างใกล้ชิด รวมถึงกำลังใจจากญาติและคนรอบข้าง อาการของ รศ.อัษฎางค์ จึงดีขึ้นทีละน้อย แม้จะต้องรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนานนับเดือน อีกทั้งต้องทำกายภาพบำบัดและติดตามอาการอย่างต่อเนื่องนานนับปี แต่ปัจจุบัน รศ.อัษฎางค์ ก็สามารถกลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติ ช่วยเหลือตนเองและทำงานได้เกือบจะเทียบเท่ากับช่วงก่อนล้มป่วย
รศ.นพ.สุรศักดิ์ ลีลาอุดมลิปิ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลรามาธิบดีและแพทย์เจ้าของไข้ กล่าวว่า โรคเส้นเลือดใหญ่ในช่องท้องโป่งพองเกิดจากความเสื่อมของเส้นเลือดตามอายุการทำงาน เป็นโรคที่ค่อนข้างพบยาก แต่ถ้าผู้ป่วยมีอาการถึงขั้นเส้นเลือดใหญ่ปริแตกจะมีโอกาสรอดชีวิตน้อยมาก ในกรณีของ รศ.อัษฎางค์ ที่ตรวจไม่พบอาการในตอนแรกเนื่องจากเส้นเลือดที่มีปัญหาอยู่ค่อนไปทางด้านหลังจึงไม่มีอาการที่ช่องท้อง แต่มีอาการปวดหลัง สำหรับการรักษาจะทำด้วยการผ่าตัดเอาเส้นเลือดเก่าที่เสื่อมสภาพออกไป แล้วใส่เส้นเลือดเทียมเข้าไปแทน
โรคดังกล่าวอาจเกิดขึ้นกับใครก็ได้และไม่มีวิธีป้องกันที่แน่ชัด รศ.นพ.สุรศักดิ์ แนะนำว่าควรดูแลและตรวจร่างกายอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งการตรวจอัลตราซาวนด์ช่องท้องเป็นวิธีที่เห็นผลมากที่สุดในปัจจุบัน โดยปกติการตรวจอัลตราซาวนด์ควรเริ่มตั้งแต่อายุ 40 ปีขึ้นไป เพื่อตรวจสภาพของตับและไต แต่ถ้าอายุ 60 ปีขึ้นไปควรตรวจเส้นเลือดด้วย และควรได้รับการตรวจโดยแพทย์ผู้ชำนาญ
สำหรับคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ให้บริการทางการแพทย์และพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์มากว่า 44 ปี ผลิตบุคลากรทางการแพทย์รวมทุกหลักสูตรปีละ 700 คน พร้อมทั้งให้บริการผู้ป่วยนอกปีละ 1,400,000 คน ผู้ป่วยในปีละ 45,000 คน อย่างไรก็ตาม ปริมาณผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้มีปัญหาพื้นที่ให้บริการ ระบบสาธารณูปโภค และเครื่องมือทางการแพทย์ต่าง ๆ ไม่เพียงพอและอยู่ในสภาพทรุดโทรม การจัดหาทดแทนด้วยเงินงบประมาณไม่เพียงพอ จึงเป็นที่มาของ “โครงการพัฒนาอาคารและจัดหาเครื่องมือแพทย์เพื่อผู้ป่วยยากไร้” โดยมูลนิธิรามาธิบดี ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
รศ.นพ.สุรศักดิ์ กล่าวว่า “โครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงกลุ่มอาคารเดิมของคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ให้พร้อมสำหรับการพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์และรองรับผู้ป่วยที่มีจำนวนมากขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะต้องใช้งบประมาณในการปรับปรุงอาคารและจัดซื้อครุภัณฑ์การแพทย์อีกประมาณ 500 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จเปิดให้บริการได้ในปี พ.ศ. 2559 จึงขอเชิญชวนประชาชนผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคสมทบทุน เพื่อขยายโอกาสทางการรักษาแก่ผู้ป่วยรวมถึงผู้ยากไร้ในสังคมต่อไป”
ผู้สนใจร่วมบริจาคสามารถโอนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ ชื่อบัญชี “มูลนิธิรามาธิบดี (โครงการพัฒนาอาคารและจัดหาเครื่องมือแพทย์ฯ) ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขารามาธิบดี เลขที่บัญชี 026-4-26671-5 และธนาคารกรุงเทพ สาขารามาธิบดี (อาคารสมเด็จพระเทพรัตน์) เลขที่บัญชี 090-7-00123-4 หรือติดต่อมูลนิธิรามาธิบดีฯ 270 ถนนพระราม 6 เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 0-2201-1111 หรือเว็บไซต์ www.ramafoundation.or.th