ยากลุ่ม Incretin based และความเสี่ยงต่อมะเร็งตับอ่อน
BMJ 2016;352:i581.
บทความเรื่อง Incretin Based Drugs and the Risk of Pancreatic Cancer: International Multicentre Cohort Study รายงานผลการศึกษาความสัมพันธ์ของยากลุ่มออกฤทธิ์ผ่านฮอร์โมนครีเอติน (incretin based drugs) กับความเสี่ยงที่สูงขึ้นต่อการเกิดมะเร็งตับอ่อนในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 โดยเทียบกับยากลุ่ม sulfonylureas
การศึกษาวิจัยมีรูปแบบเป็นการศึกษาระยะยาวในประชากรทั่วไป รวบรวมข้อมูลจากระเบียนสุขภาพของโรงพยาบาล 6 แห่งในแคนาดา สหรัฐอเมริกา และสหราชอาณาจักร กลุ่มตัวอย่างประกอบด้วยผู้ป่วย 972,384 ราย ซึ่งเริ่มใช้ยาต้านเบาหวานระหว่างวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 2007 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน ค.ศ. 2013 โดยติดตามถึงวันที่ 30 มิถุนายน ค.ศ. 2014
นักวิจัยได้วิเคราะห์ nested case-control analysis ในประชากรแต่ละกลุ่ม โดยเทียบกลุ่มเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งตับอ่อนในอนาคตกับกลุ่มควบคุม 20 ราย ซึ่งเทียบเคียงกันด้านเพศ อายุ วันที่เข้าร่วมการศึกษา ระยะการรักษาเบาหวาน และระยะการติดตาม การศึกษาได้ประมาณค่า hazard ratios และ 95% CI เทียบระหว่างการรักษาด้วยยากลุ่ม incretin based และการใช้ยากลุ่ม sulfonylureas โดยเว้นระยะเวลาระหว่างยาแต่ละตัวนาน 1 ปี การวิเคราะห์ทุติยภูมิได้ประเมินว่าความเสี่ยงแตกต่างไปตามกลุ่มยา (dipeptidyl peptidase-4 inhibitor และ glucagon-like peptide-1 receptor agonists) หรือจากระยะการรักษา (ระยะเวลาสะสมของการใช้ยาและระยะเวลานับตั้งแต่เริ่มการรักษา) ทั้งนี้การศึกษาได้รวมค่า hazard ratio ของโรงพยาบาลแต่ละแห่งด้วยตัวแบบสุ่ม
ระหว่าง 2,024,441 คน/ปีของการติดตาม (มัธยฐานการติดตามมีพิสัยตั้งแต่ 1.3-2.8 ปี และสูงสุดเท่ากับ 8 ปี) ตรวจพบผู้ป่วยมะเร็งตับอ่อนรายใหม่ 1,221 ราย (อัตราอุบัติการณ์ 0.60 ต่อ1,000 คน/ปี) เมื่อเทียบกับยากลุ่ม sulfonylureas พบว่ายากลุ่ม incretin based ไม่สัมพันธ์กับความเสี่ยงที่สูงขึ้นต่อมะเร็งตับอ่อน (ค่า hazard ratio ที่ปรับแล้วเท่ากับ 1.02 ค่า 95% CI เท่ากับ 0.84-1.23) และความเสี่ยงไม่แตกต่างตามกลุ่มยา ขณะที่ไม่มีข้อมูลด้านความสัมพันธ์ระหว่างระยะเวลาและการตอบสนองต่อการรักษา
ข้อมูลจากการศึกษาในกลุ่มประชากรขนาดใหญ่ชี้ว่า ยากลุ่ม incretin based ไม่สัมพันธ์กับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นต่อมะเร็งตับอ่อนเมื่อเทียบกับยากลุ่ม sulfonylureas และแม้จำเป็นต้องมีการติดตามในระยะยาวเกี่ยวกับผลข้างเคียงด้านโรคมะเร็ง แต่ข้อมูลจากการศึกษานี้นับว่าให้ความมั่นใจในความปลอดภัยของยากลุ่ม incretin based ได้ในระดับหนึ่ง