ความเสี่ยงภาวะน้ำตาลต่ำจากการเพิ่มยากลุ่ม DPP-4 inhibitors ร่วมกับ sulphonylureas
BMJ 2016;353:i2231.
บทความเรื่อง Addition of Dipeptidyl Peptidase-4 Inhibitors to Sulphonylureas and Risk of Hypoglycaemia: Systematic Review and Meta-Analysis รายงานผลลัพธ์จากการศึกษาทบทวนอย่างเป็นระบบและการวิเคราะห์อภิมานเพื่อประเมินความเสี่ยงต่อภาวะน้ำตาลต่ำในเลือดจากการใช้ยากลุ่ม dipeptidyl peptidase-4 (DPP-4) inhibitors ร่วมกับยากลุ่ม sulphonylureas เปรียบเทียบกับการใช้ยาหลอกร่วมกับยากลุ่ม sulphonylureas
ข้อมูลในการศึกษารวบรวมจาก Medline, ISI Web of Science, SCOPUS, Cochrane Central Register of Controlled Trials และ clinicaltrial.gov โดยไม่มีข้อจำกัดด้านภาษา การศึกษาวิจัยที่นำมาวิเคราะห์เป็นการศึกษาเปรียบเทียบกับยาหลอกซึ่งมีจำนวนอาสาสมัครเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ซึ่งได้รับการรักษาด้วยยากลุ่ม DPP-4 inhibitors ร่วมกับ sulphonylureas อย่างน้อย 50 คน
ความเสี่ยงอคติในแต่ละการศึกษาได้ประเมินด้วยเครื่องมือ Cochrane Collaboration อัตราส่วนความเสี่ยงต่อภาวะน้ำตาลต่ำร่วมกับค่า 95% confidence intervals ได้คำนวณแยกแต่ละการศึกษา และนำมารวมกันด้วยตัวแบบอิทธิพลคงที่ (Mantel Haenszel method) หรือตัวแบบอิทธิพลสุ่ม นอกจากนี้ยังได้วิเคราะห์กลุ่มย่อย (เช่น ขนาดของ DPP-4 inhibitors) และประเมิน number needed to harm (NNH) ตามระยะการรักษา
มีการศึกษาวิจัยที่รวบรวมจำนวน 10 โครงการ โดยมีจำนวนอาสาสมัคร 6,546 คน (4,020 คน ได้รับ DPP-4 inhibitors ร่วมกับ sulphonylureas และ 2,526 คน ได้รับยาหลอกร่วมกับ sulphonylureas) อัตราส่วนความเสี่ยงต่อภาวะน้ำตาลต่ำเท่ากับ 1.52 (95% confidence interval อยู่ระหว่าง 1.29-1.80) ค่า NNH เท่ากับ 17 (95% confidence interval อยู่ระหว่าง 11-30) สำหรับระยะการรักษาไม่เกิน 6 เดือน และ 15 (9-26) สำหรับ 6.1-12 เดือน และ 8 (5-15) สำหรับระยะการรักษานานกว่า 1 ปี จากการวิเคราะห์กลุ่มย่อยไม่พบความต่างระหว่าง DPP-4 inhibitors ที่ใช้เต็มขนาดหรือขนาดต่ำ โดยอัตราส่วนความเสี่ยงจากการใช้ DPP-4 inhibitors เต็มขนาดเท่ากับ 1.66 (1.34-2.06) ขณะที่อัตราส่วนความเสี่ยงที่สูงขึ้นจาก DPP-4 inhibitors ขนาดต่ำไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ (1.33, 0.92-1.94)
การเพิ่มยากลุ่ม DPP-4 inhibitors ในการรักษาด้วย sulphonylurea สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 สัมพันธ์กับความเสี่ยงภาวะน้ำตาลต่ำที่สูงขึ้นร้อยละ 50 และเหตุการณ์ของภาวะน้ำตาลต่ำที่เพิ่มขึ้นหนึ่งเหตุการณ์ต่อผู้ป่วย 17 คนในช่วง 6 เดือนแรกของการรักษา ซึ่งชี้ให้เห็นความจำเป็นที่จะต้องปฏิบัติตามคำแนะนำในการลดขนาดยากลุ่ม sulphonylureas เมื่อเริ่มใช้ยากลุ่ม DPP-4 inhibitors รวมถึงการประเมินประสิทธิผลของการลดความเสี่ยงตามแนวทางดังกล่าว