การใช้ Tramadol ในผู้ป่วยข้อเสื่อมอาจทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตเพิ่มขึ้นมากกว่าการใช้ NSAIDs
JAMA. 2019;321(10):969-82. doi:10.1001/jama.2019.1347.
บทความเรื่อง Association of Tramadol With All-Cause Mortality Among Patients With Osteoarthritis รายงานว่า การใช้ยา Tramadol อาจทำให้เกิดการเสียชีวิตจากทุกสาเหตุเพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับการใช้ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ คณะผู้วิจัยศึกษาความสัมพันธ์ของการใช้ยา tramadol กับการเสียชีวิตจากทุกสาเหตุในผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อมที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไปในสหราชอาณาจักร โดยใช้ข้อมูลจากฐานข้อมูลการพัฒนาเครือข่ายสุขภาพ เริ่มตั้งแต่เดือนมกราคม พ.ศ. 2543 ถึงเดือนธันวาคม พ.ศ. 2558 และติดตามต่อจนถึงเดือนธันวาคม พ.ศ. 2559 ปัจจัยเสี่ยงที่ผู้วิจัยสนใจคือ การถูกสั่งให้ใช้ยา tramadol (n = 44,451), naproxen (n = 12,397), diclofenac (n = 6,512), celecoxib (n = 5,674), etoricoxib (n = 2,946) หรือ codeine (n = 16,922) ผลลัพธ์หลักของการศึกษาคือ อัตราการเสียชีวิตจากทุกสาเหตุภายใน 1 ปีหลังใช้ยา tramadol เปรียบเทียบกับการใช้ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ 5 ชนิดดังกล่าว ผลการศึกษาพบว่าหลังจากการทำ propensity score matching มีอาสาสมัครที่เข้าร่วมการศึกษาทั้งหมด 88,902 ราย (อายุเฉลี่ย 71 ปี, ร้อยละ 61.2 เป็นเพศหญิง) พบว่ามีการเสียชีวิตจากทุกสาเหตุภายใน 1 ปีหลังใช้ยา tramadol จำนวน 278 ราย คิดเป็น 23.5/1,000 รายต่อปี ในขณะที่กลุ่มที่ใช้ naproxen พบการเสียชีวิต 164 ราย คิดเป็น 13.8/1,000 รายต่อปี ซึ่งแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ [95% CI 6.3-13.2] โดยคิดเป็นค่า hazard ratio (HR) ได้เท่ากับ 1.71 [95% CI 1.41-2.07] และเมื่อเปรียบเทียบระหว่างกลุ่มที่ใช้ tramadol กับ diclofenac, celecoxib และ etoricoxib ตามลำดับ ก็พบว่ามีการเสียชีวิตจากทุกสาเหตุภายใน 1 ปีจากการใช้ tramadol แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติเช่นกัน โดยมีค่า HR คือ 1.88 [95% CI 1.51-2.35], HR 1.70 [95% CI 1.33-2.17] และ 2.04 [95% CI 1.37-3.03] ตามลำดับ ในขณะที่การศึกษานี้ไม่พบความแตกต่างทางสถิติในกรณีที่เปรียบเทียบระหว่างการใช้ยา tramadol กับ codeine (HR 0.94 [95% CI 0.83-1.05]) ข้อสรุปสำคัญของการศึกษานี้คือ ในผู้ป่วยที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไปที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อม การใช้ tramadol ในระยะเริ่มแรกมีความสัมพันธ์กับการเสียชีวิตจากทุกสาเหตุภายใน 1 ปีหลังจากการใช้ยาอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติเมื่อเปรียบเทียบกับการใช้ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่ยาสเตียรอยด์ แต่อย่างไรก็ตาม อาจมีผลกระทบบางประการต่อการเกิดผลลัพธ์ที่สนใจจากตัวแปรกวน ดังนั้น ในอนาคตจึงควรมีการศึกษาต่อไปว่าความสัมพันธ์ดังกล่าวเป็นสาเหตุที่แท้จริงหรือไม่