เซ็บเดิร์ม...โรครังแค
บทความโดย นพ. รัฐภรณ์ อึ๊งภากรณ์ อุปนายกวิเทศสัมพันธ์ สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย
ในสมัยก่อนเราเรียกเซ็บเดิร์ม ว่าโรคต่อมไขมันอักเสบ โดยแปลตามตรง ๆ ของชื่อโรคจากภาษาอังกฤษ ปัจจุบันนี้เราจะคุ้นกับคำที่ว่า “รังแคของใบหน้า” หรือ“รังแค” หรือ “เซ็บเดิร์ม” ซึ่งเป็นโรคเดียวกัน
“โรครังแค” มีตั้งแต่เป็นมากหรือเป็นน้อย ที่เป็นน้อย ๆ แต่ไม่รำคาญ ก็ปล่อยไป เมื่อเริ่มมีการคันมากขึ้น หรือวมีขุยสะเก็ดที่เห็นชัด ๆ ตกมาบนเสื้อผ้า อาจซื้อแชมพูกำจัดรังแคมาใช้เอง บางคนปล่อยไปมันก็หาย แต่ถ้าเกิดความรำคาญและเป็นนาน ลามมาถึงไรผม ใบหน้า จุดนี้ต้องเริ่มรักษา รังแคนั้นสามารถลามไปถึงหน้าอกและหลังได้
นพ.รัฐภรณ์ กล่าวว่า สาเหตุของโรคนั้น เซ็บเดิร์มในบางรายเป็นได้ตั้งแต่เด็ก ๆ เช่น อายุประมาณ 2 - 3 เดือนถึง 6 เดือน คือเราจะเห็นว่าเด็กบางคนที่เกิดมามีขุยสะเก็ดแดง ๆ ที่ศีรษะ ที่ใบหน้า แต่กลุ่มนี้มักจะเป็นแล้วก็หายไปเองภายใน 1 ปี บางคนอาจเรียกว่าผื่นผ้าอ้อม บางทีเป็นที่ศีรษะหรือในร่มผ้าก็ได้ อีกกลุ่มหนึ่งคือ เซ็บเดิร์มในผู้ใหญ่ มักจะเป็นโรคที่เรื้อรังที่พบบ่อยในบริเวณศีรษะ อีกบริเวณที่พบคือ หว่างคิ้ว ง่ามจมูกและหลังหู ในบางคนถ้าเป็นแล้ว จะเริ่มลามลงมาที่ตรงกลางอกและแผ่นหลังลักษณะจะแห้ง ๆ ยิ่งเกา ยิ่งแกะ จะทำให้โรคนี้เป็นมากขึ้น ข้อห้ามของโรครังแคคือห้ามทำอะไรแรง ๆ การสระผมก็ต้องเบา ๆ ห้ามเกา ซับเช็ดหน้าเบา ๆ การทายาก็ไม่ต้องถู ใช้แตะ ๆ เบา ๆ แทน การระคายเคืองไม่ได้เป็นสาเหตุ แต่จะกระตุ้นโรคให้เป็นมากขึ้น อย่างไรก็ตามท่านที่มีผื่นบนหน้าอย่าเหมาว่าตัวเองว่าเป็นเซ็บเดิร์ม คือมันมีอีกหลายโรคผิวหนังที่จะต้องคิดถึง
โรคเซ็บเดิร์ม...โรครังแค นั้นมีแนวโน้มที่จะเป็นอยู่แล้ว เมื่อไหร่ก็ตามที่มีการกระตุ้น เช่น การเครียด อดนอน การใช้ผลิตภัณฑ์ที่รุนแรง ฟอก ขัด ถู สระ ที่ใบหน้า ย้อมผมก็เป็นได้นะครับ หรือในบางรายที่เป็นโรคเรื้อรัง เช่น บางคนล้มหมอนนอนเสื่อ ไม่สบาย มีการผ่าตัด ก็สามารถกระตุ้นทำให้โรคนี้เกิดขึ้นมาได้ ซึ่งต้องบอกว่าเราต้องมอง 2 ส่วน คือ 1. ต้องมีแนวโน้มที่จะเป็นก่อน แล้วถึงมีการกระตุ้นให้เกิดขึ้น ซึ่งการกระตุ้นแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน ไม่ใช่ว่าเครียดแล้วทุกคนจะเป็นเซ็บเดิร์มทั้งหมด แต่คนที่เป็นเซ็บเดิร์มแล้วเครียดก็มี คนที่เครียดแล้วไม่เป็นเซ็บเดิร์มก็มี เพราะฉะนั้น เราก็พยายามหาสาเหตุที่กระตุ้นแล้วหลีกเลี่ยงไปตามนั้นก็จะช่วยได้ส่วนหนึ่ง ขนตา ก็เป็นขนอย่างหนึ่งสามารถเกิดรังแคได้ ในบางรายนั้นมันขึ้นที่บริเวณขอบตาเป็นขุย ๆ สะเก็ด เลยคิดพาลไปว่ากลายเป็นโรคตาไปเลย ไปเช็ดถูแรง ๆ ยิ่งเป็นมากขึ้น บางคนไปหายาหยอดตาซึ่งไม่จำเป็นครับ มันเป็นที่ผิวหนังที่บริเวณขอบขนตา ซึ่งก็คือรังแคที่ขอบตานั่นเอง
โรคนี้เพราะเหตุใดจึงต้องรักษา ซึ่งถ้าเป็นรังแคอย่างเดียวก็ไม่ต้องรักษา แต่ความสำคัญของเซ็บเดิร์มมันอยู่ที่ว่าเป็นเรื่องความรำคาญและความอายจากขุยสะเก็ดที่ปรากฎให้คนรอบข้างเห็นมากกว่า มีผลต่อชีวิตประจำวันและทางด้านสังคม ความมั่นใจในตัวเอง ทำให้ต้องรักษานะครับ ครั้งหน้าเรามาล้วงลึกกลเม็ดเคล็ดลับรักษาโรคเซ็บเดิร์ม...โรครังแค กันต่อครับ