ผลลัพธ์ระยะยาวต่อความจำจากฮอร์โมนบำบัดในหญิง 50-55 ปี

ผลลัพธ์ระยะยาวต่อความจำจากฮอร์โมนบำบัดในหญิง 50-55 ปี

JAMA Intern Med. 2013;173(15):1429-1436

            บทความเรื่อง Long-Term Effects on Cognitive Function of Postmenopausal Hormone Therapy Prescribed to Women Aged 50 to 55 Years รายงานว่า การให้ฮอร์โมนบำบัดในผู้หญิงวัยทองด้วย conjugated equine estrogens (CEEs) อาจส่งผลกระทบต่อความจำในผู้หญิงอายุมาก ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลว่าผลกระทบนี้ส่งผลไปถึงผู้หญิงอายุน้อยกว่าหรือไม่

            นักวิจัยศึกษาว่าฮอร์โมนบำบัดแบบ CEE-based ในหญิงวัยทองอายุ 50-55 ปี มีผลระยะยาวต่อความจำหรือไม่ โดยใช้วิธีทดสอบความจำด้วยการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ซึ่งครอบคลุมการทดสอบความจำโดยรวมและจำเพาะพิสัย การทดสอบความจำทำที่เฉลี่ย 7.2 ปีหลังสิ้นสุดการศึกษาขณะผู้หญิงมีอายุเฉลี่ย 67.2 ปี และตรวจซ้ำในอีกหนึ่งปีให้หลัง และการรวบรวมมีขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1996-1999

            การศึกษามีขึ้นในศูนย์วิจัย 40 แห่ง และผู้เข้าร่วมวิจัยเป็นผู้หญิงวัยทอง 1,326 ราย ซึ่งเริ่มการรักษาในงานวิจัยเปรียบเทียบฮอร์โมนบำบัดกับยาหลอกระหว่างอายุ 50-55 ปี รวมสองการศึกษา โดยเปรียบเทียบ CEE ขนาด 0.625 mg ร่วมกับ medroxyprogesterone acetate ขนาด 2.5 mg หรือ CEE ขนาด 0.625 mg อย่างเดียวในระยะเวลาเฉลี่ย 7.0 ปี

            ผลลัพธ์หลัก ได้แก่ ความจำโดยรวม และผลลัพธ์รอง ได้แก่ การจำคำ สมาธิ การบริหารจัดการ ความคล่องแคล่วการใช้ภาษา และความจำระยะสั้น

            คะแนนความจำโดยรวมจากผู้หญิงที่ได้รับการรักษาด้วยฮอร์โมนบำบัดแบบ CEE-based ใกล้เคียงกับผู้หญิงในกลุ่มที่ได้รับยาหลอก โดยมี mean (95% CI) intervention effect of 0.02 (-0.08 ถึง 0.12) standard deviation units (p = 0.66) และไม่พบความแตกต่างด้านคะแนนความจำในแต่ละพิสัย (all p > 0.15) ผลลัพธ์จาก prespecified subgroup analyses พบหลักฐานว่าฮอร์โมนบำบัดแบบ CEE-based อาจมีผลกระทบต่อความคล่องแคล่วในการใช้ภาษาในผู้หญิงที่ตัดมดลูกออกหรือเคยได้รับฮอร์โมนบำบัด โดยมี mean treatment effects เท่ากับ -0.17 (-0.33 ถึง -0.02) และ -0.25 (-0.42 ถึง -0.08) แต่อาจเป็นผลที่เกิดโดยบังเอิญ

            การรักษาด้วยฮอร์โมนบำบัดแบบ CEE-based ไม่มีประโยชน์หรือความเสี่ยงระยะยาวต่อความจำเมื่อให้ในผู้หญิงวัยทองอายุระหว่าง 50-55 ปี อย่างไรก็ดี นักวิจัยยังไม่อาจสรุปว่าการเริ่มฮอร์โมนบำบัดระหว่างหมดประจำเดือนและการรักษาประคับประคองจนกว่าอาการหายไปมีผลต่อความจำทั้งในระยะสั้นและระยะยาวหรือไม่