แม่อ้วนระหว่างตั้งครรภ์พาลูกเสี่ยงตายก่อนวัย

แม่อ้วนระหว่างตั้งครรภ์พาลูกเสี่ยงตายก่อนวัย

BMJ 2013;347:f4539

            บทความเรื่อง Maternal Obesity during Pregnancy and Premature Mortality from Cardiovascular Event in Adult Offspring: Follow-Up of 1,323,275 Person Years รายงานผลจากการวิเคราะห์เชื่อมโยงระเบียนเพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างภาวะอ้วนของแม่ระหว่างตั้งครรภ์ต่อความเสี่ยงการตายจากโรคหัวใจและหลอดเลือดของทายาทในวัยผู้ใหญ่ โดยรวบรวมระเบียนเกิดจาก Aberdeen Maternity and Neonatal Databank และเชื่อมโยงกับทะเบียน General Register of Deaths, Scotland และ Scottish Morbidity Record
            กลุ่มประชากรเป็นผู้มีระเบียนเกิดระหว่างปี ค.ศ. 1950 จนถึงปัจจุบันรวม 37,709 ราย มาตรวัดผลลัพธ์ ได้แก่ การตายและการรับเข้ารักษาเนื่องจากเหตุการณ์ของโรคหัวใจและหลอดเลือดจนถึงวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 2012 ในทายาทที่มีอายุระหว่าง 34-61 ปี ดัชนีมวลกาย (BMI) ของแม่คำนวณจากความสูงและน้ำหนักวัดในการตรวจฝากครรภ์ครั้งแรก ผลจากภาวะอ้วนของแม่ระหว่างตั้งครรภ์ต่อผลลัพธ์ในทายาททดสอบจากการวิเคราะห์ระยะปลอดเหตุการณ์ด้วย Cox proportional hazard regression เพื่อเปรียบเทียบกับผลลัพธ์ในทายาทของแม่ที่น้ำหนักตัวต่ำกว่าเกณฑ์ น้ำหนักตัวเกินเกณฑ์ หรืออ้วนตามเกณฑ์ BMI เทียบกับทายาทของผู้หญิงที่ BMI อยู่ในเกณฑ์ปกติ

            การตายจากทุกสาเหตุเพิ่มสูงขึ้นในทายาทของแม่ที่อ้วน (BMI > 30) เทียบกับแม่ที่มี BMI ปกติภายหลังปรับตามอายุของแม่ขณะคลอด สังคมเศรษฐานะ เพศของทายาท อายุปัจจุบัน น้ำหนักแรกเกิด อายุครรภ์ขณะคลอด และอายุครรภ์ขณะวัด BMI (hazard ratio 1.35, 95% confidence interval 1.17-1.55) ผลจากตัวแบบที่ปรับแล้วชี้ว่า ทายาทของแม่ที่อ้วนยังมีความเสี่ยงสูงขึ้นต่อการรับเข้ารักษาในโรงพยาบาล เนื่องจากเหตุการณ์ของโรคหัวใจและหลอดเลือด (1.29, 1.06-1.57) เทียบกับทายาทของแม่ที่มี BMI ปกติ เช่นเดียวกับทายาทของแม่ที่น้ำหนักเกินซึ่งมีความเสี่ยงสูงขึ้นต่อผลลัพธ์ไม่พึงประสงค์

            ภาวะอ้วนระหว่างตั้งครรภ์สัมพันธ์กับความเสี่ยงที่สูงขึ้นต่อการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรของทายาทวัยผู้ใหญ่ โดยผู้วิจัยเห็นว่าสหราชอาณาจักรจำเป็นต้องมียุทธศาสตร์เร่งด่วนสำหรับการลดน้ำหนักก่อนตั้งครรภ์ตามที่มีสถิติระบุว่าผู้หญิง 1 ใน 5 คนมีภาวะอ้วนขณะตรวจฝากครรภ์