ความเสี่ยงระยะยาวในผู้ป่วยตับอักเสบซีเรื้อรัง

ความเสี่ยงระยะยาวในผู้ป่วยตับอักเสบซีเรื้อรัง

JAMA Intern Med. 2014;174(2):204-212.

บทความเรื่อง The Risk of Long-term Morbidity and Mortality in Patients with Chronic Hepatitis C: Results from an Analysis of Data from a Department of Veterans Affairs Clinical Registry รายงานว่า ผลของการลดปริมาณเชื้อไวรัส จีโนไทป์ เชื้อชาติ และปัจจัยอื่นต่อความเสี่ยงเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์จากโรคตับระยะท้ายในผู้ป่วยโรคตับอักเสบซีที่มีรายงานก่อนหน้านี้เป็นการศึกษาด้วยข้อมูลจากการศึกษาขนาดเล็ก ซึ่งจำเป็นที่จะต้องมีข้อมูลจากการศึกษาขนาดใหญ่เพื่อปรับปรุงการประเมินปัจจัยเสี่ยงต่อเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์จากโรคตับระยะท้ายและการเสียชีวิตในผู้ป่วยโรคตับอักเสบซี

นักวิจัยศึกษาจากผู้ป่วยที่มีปริมาณเชื้อไวรัสที่ตรวจพบได้ (> 25 IU/mL) และมีข้อมูลจีโนไทป์ที่พื้นฐานจากทะเบียนโรคตับอักเสบซีของกรมการทหารผ่านศึกสหรัฐอเมริกา ซึ่งรวบรวมประวัติการรักษาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1999 ถึงปัจจุบัน ปัจจัยเสี่ยงประกอบด้วยจีโนไทป์ เชื้อชาติ อายุ เพศ และระยะเวลาจนถึงการมีปริมาณเชื้อไวรัสในระดับที่ตรวจพบ ผลลัพธ์หลัก ได้แก่ ระยะเวลาจนถึงเสียชีวิตและระยะเวลาจนถึงการเกิดผลรวมของอาการไม่พึงประสงค์จากโรคตับ ผลลัพธ์รอง ได้แก่ องค์ประกอบของผลลัพธ์ทางคลินิก โดยประเมินผลลัพธ์ประเมิน time-to-event และวิเคราะห์ด้วยตัวแบบ Cox proportional hazards models

มีผู้ป่วยตับอักเสบซีที่สอดคล้องตามเกณฑ์การศึกษา 28,769 ราย จาก 360,857 ราย โดยมีผู้ป่วยเพียง 24.3% ที่ได้รับการรักษา และ 16.4% ของผู้ที่ได้รับการรักษา (4.0% ของผู้ป่วยทั้งหมด) มีปริมาณเชื้อไวรัสลดลงถึงระดับที่ตรวจไม่พบ อัตราตายที่ยังไม่ได้ปรับเท่ากับ 6.8 (95% CI 6.0-7.7) ต่อ 1,000 person-years สำหรับผู้ป่วยที่สามารถลดปริมาณเชื้อไวรัสตามเป้าหมาย vs 21.8 (95% CI 21.5-22.2) deaths ต่อ 1,000 person-years ในผู้ป่วยที่ไม่สามารถลดได้ตามเป้าหมาย ผลลัพธ์จากตัวแบบ Cox พบว่า การลดปริมาณเชื้อไวรัสได้ตามเป้าหมายลดความเสี่ยงผลรวมของ clinical endpoint ได้ถึง 27% (hazard ratio [HR] 0.73 [95% CI 0.66-0.82]) และลดความเสี่ยงการตายได้ถึง 45% (HR 0.55 [95% CI 0.47-0.64]) ผู้ป่วยที่เป็นจีโนไทป์ 2 มีความเสี่ยงต่ำกว่าอย่างนัยสำคัญ ขณะที่ผู้ป่วยจีโนไทป์ 3 มีความเสี่ยงต่อผลลัพธ์ทั้งหมดสูงกว่าเทียบกับจีโนไทป์ 1 และผู้ป่วยที่มีเชื้อสายแอฟริกันมีความเสี่ยงต่ออาการไม่พึงประสงค์ของตับทั้งหมดต่ำกว่าผู้ป่วยที่มีเชื้อสายยุโรป

การลดปริมาณเชื้อไวรัสให้ต่ำลงจนตรวจไม่พบสัมพันธ์กับการเจ็บป่วยและการตายจากโรคตับที่ต่ำลง และจำเป็นต้องมีการศึกษาว่าสูตรยาใหม่จะช่วยเพิ่มอัตราการตอบสนองให้สูงขึ้นโดยที่มีอาการไม่พึงประสงค์น้อยลงหรือไม่