บริโภคน้ำตาลมากเพิ่มความเสี่ยงหัวใจและหลอดเลือด
JAMA Intern Med. Published online February 3, 2014.
บทความเรื่อง Added Sugar Intake and Cardiovascular Diseases Mortality Among US Adults อ้างถึงข้อมูลจากการศึกษาทางระบาดวิทยาชี้ว่า การบริโภคน้ำตาลที่เติมลงในอาหารมากขึ้นสัมพันธ์กับปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด นักวิจัยจึงศึกษา time trends ของการบริโภคน้ำตาลที่เติมลงในอาหารในลักษณะร้อยละของพลังงานที่ได้รับต่อวันในสหรัฐอเมริกา และศึกษาความสัมพันธ์ของการบริโภคน้ำตาลดังกล่าวกับการตายเนื่องจากโรคหัวใจและหลอดเลือด
นักวิจัยใช้ข้อมูลจาก National Health and Nutrition Examination Survey (NHANES, 1988-1994 [III], 1999-2004 และ 2005-2010 [n = 31,147]) สำหรับ time trend analysis และ NHANES III Linked Mortality cohort (1988-2006 [n = 11,733]) จากกลุ่มตัวอย่างผู้ใหญ่ในสหรัฐอเมริกาสำหรับการศึกษาความสัมพันธ์ โดยให้การตายเนื่องจากโรคหัวใจและหลอดเลือดเป็นผลลัพธ์หลัก
ข้อมูลจากผู้ใหญ่ในสหรัฐอเมริกาชี้ว่า ค่าเฉลี่ยที่ปรับแล้วของร้อยละของพลังงานที่ได้รับในแต่ละวันจากน้ำตาลที่เติมลงในอาหารเพิ่มขึ้นจาก 15.7% (95% CI 15.0-16.4%) ในปี ค.ศ. 1988-1994 เป็น 16.8% (16.0-17.7%; p = 0.02) ในปี ค.ศ. 1999-2004 และลดลงเหลือ 14.9% (14.2-15.5%; p < 0.001) ในปี ค.ศ. 2005-2010 ผู้ใหญ่ส่วนมากได้รับพลังงาน 10% หรือมากกว่าจากน้ำตาลที่เติมลงในอาหาร (71.4%) และประมาณ 10% ได้รับถึง 25% หรือมากกว่าระหว่างปี ค.ศ. 2005-2010 ระหว่างมัธยฐานการติดตาม 14.6 ปี มีรายงานการเสียชีวิตเนื่องจากโรคหัวใจและหลอดเลือด 831 รายระหว่าง 163,039 person-years โดย hazard ratios (HRs) ของการตายเนื่องจากโรคหัวใจและหลอดเลือดปรับตามอายุ เพศ เชื้อชาติ/ชาติพันธ์ุในทุกช่วงชั้นของร้อยละของพลังงานที่ได้รับต่อวันจากน้ำตาลที่เติมลงในอาหารเท่ากับ 1.00 (อ้างอิง), 1.09 (95% CI 1.05-1.13), 1.23 (1.12-1.34), 1.49 (1.24-1.78) และ 2.43 (1.63-3.62; p < 0.001) ภายหลังการปรับเพิ่มตามลักษณะทางสังคมประชากร พฤติกรรม และคลินิกพบว่า ค่า HRs เท่ากับ 1.00 (อ้างอิง), 1.07 (1.02-1.12), 1.18 (1.06-1.31), 1.38 (1.11-1.70) และ 2.03 (1.26-3.27; p = 0.004) ค่า HRs ที่ปรับแล้วเท่ากับ 1.30 (95% CI 1.09-1.55) และ 2.75 (1.40-5.42; p = 0.004) จากการเปรียบเทียบผู้เข้าร่วมวิจัยที่ได้รับพลังงาน 10.0-24.9% หรือ 25.0% หรือมากกว่าจากน้ำตาลที่เติมลงในอาหารเทียบกับผู้ที่ได้รับพลังงานน้อยกว่า 10% จากน้ำตาลที่เติมลงในอาหาร ผลลัพธ์นี้ส่วนใหญ่คงที่ในทุกกลุ่มอายุ เพศ เชื้อชาติ/ชาติพันธ์ุ (ยกเว้นกลุ่มผู้มีเชื้อสายแอฟริกันและไม่มีเชื้อสายฮิสแปนิก) การศึกษา การออกกำลังกาย โภชนาการ และดัชนีมวลกาย
ข้อมูลจากการศึกษาชี้ว่า ผู้ใหญ่ในสหรัฐอเมริกาส่วนใหญ่ได้รับน้ำตาลที่เติมลงในอาหารมากกว่าปริมาณที่เหมาะสม ซึ่งการบริโภคน้ำตาลดังกล่าวมีความสัมพันธ์ที่มีนัยสำคัญกับความเสี่ยงที่สูงขึ้นต่อการเสียชีวิตเนื่องจากโรคหัวใจและหลอดเลือด