ปัญหารอยคล้ำใต้ตา
ปัญหารอยคล้ำใต้ตาเป็นภาวะที่พบได้บ่อยในคนทุกเพศทุกวัย และมักจะเป็นมากขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น ถึงแม้ว่ารอยคล้ำใต้ตาจะไม่ใช่ปัญหาสำคัญด้านสุขภาพ หรือเป็นโรคที่จำเป็นต้องรักษา แต่ก็ทำให้เกิดปัญหาด้านความสวยงาม เนื่องจากการมีรอยคล้ำใต้ตาอาจทำให้ดูเศร้า เหนื่อย และดูอายุมากกว่าที่เป็นจริงได้
สำหรับการเกิดรอยคล้ำใต้ตาเกิดขึ้นได้อย่างไร รศ.พญ.รังสิมา วณิชภักดีเดชา ภาควิชาตจวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับการเกิดรอยคล้ำใต้ตาว่ามีสาเหตุหลัก 3 ประการคือ มีการสร้างเม็ดสีบริเวณผิวหนังใต้ตาเพิ่มขึ้น การมีผิวหนังบริเวณใต้ตาบาง และการเกิดเงาดำใต้ตาจากการมีผิวหนังใต้ตาหย่อน (ร่องน้ำตา) ซึ่งรอยคล้ำใต้ตาที่เกิดจากสาเหตุต่างกันก็จะมีวิธีการรักษาแตกต่างกันออกไปด้วย
รอยคล้ำใต้ตาที่เกิดจากการสร้างเม็ดสีบริเวณผิวหนังใต้ตาเพิ่มขึ้นมักพบในภาวะรอยดำที่เกิดตามหลังการอักเสบในผู้ป่วยที่เป็นโรคภูมิแพ้ที่ผิวหนังเรื้อรัง (atopic dermatitis) หรือการแพ้จากการสัมผัสสารต่าง ๆ (allergic contact dermatitis) รอยคล้ำใต้ตาจากสาเหตุนี้มักมีสีออกเทา เมื่อเอามือรีดผิวหนังบริเวณนั้น รอยคล้ำก็จะไม่จางไป รอยคล้ำใต้ตาจากสาเหตุนี้สามารถรักษาด้วยการใช้ครีมที่มีฤทธิ์ยับยั้งการสร้างเม็ดสี เช่น ไฮโดรควิโนน, Arbutin, Licorice, Kojic หรือครีมที่มีส่วนผสมของกรดผลไม้ หรือสามารถใช้เลเซอร์กำจัดเม็ดสีทำให้รอยคล้ำใต้ตาจางลงได้
รอยคล้ำใต้ตาที่เกิดจากการมีผิวหนังใต้ตาบาง หรืออาจมีชั้นไขมันใต้ผิวหนังบริเวณนั้นบางลงร่วมด้วย รอยดำใต้ตาจากสาเหตุนี้มักเกิดจากเส้นเลือดใต้ผิวหนัง รอยคล้ำใต้ตาจากสาเหตุนี้มักจะมีสีออกม่วง และเห็นชัดมากบริเวณด้านหัวตา โดยเฉพาะในช่วงที่มีประจำเดือน รอยคล้ำใต้ตาจากสาเหตุนี้ไม่ตอบสนองต่อการทายา แต่จะตอบสนองดีต่อการรักษาด้วยเลเซอร์กำจัดเส้นเลือด หรือการฉีดสารเติมเต็มเพื่อทำให้ผิวหนังดูหนาขึ้นได้
รอยคล้ำใต้ตาจากการที่มีผิวหนังใต้ตาหย่อนคล้อยจนทำให้เกิดเงาดำใต้ตามักเกิดจากอายุที่เพิ่มขึ้น รอยดำใต้ตาจากสาเหตุนี้มักพบการมีรอยย่นรอบดวงตาด้วย ในรายที่เป็นมาก ๆ อาจมีถุงใต้ตาร่วมด้วยได้ การรักษารอยคล้ำใต้ตาจากวิธีนี้สามารถทำได้โดยใช้เครื่องมือต่าง ๆ เช่น เลเซอร์ หรือคลื่นความถี่วิทยุที่มีผลทำให้ผิวหนังใต้ตากระชับขึ้น การฉีดสารเติมเต็มเพื่อทำให้ร่องน้ำตาตื้นขึ้น หรือในรายที่เป็นมาก ๆ หรือมีถุงใต้ตาขนาดใหญ่ อาจต้องรักษาด้วยการผ่าตัด
เนื่องจากรอยคล้ำใต้ตาเกิดได้จากหลายสาเหตุ และแต่ละสาเหตุมีวิธีการรักษาแตกต่างกัน ผู้ที่มีปัญหารอยคล้ำใต้ตาที่ต้องการรักษาจึงควรปรึกษาแพทย์เพื่อให้ทราบสาเหตุของการเกิดรอยคล้ำใต้ตาก่อน จะได้เลือกวิธีการรักษาได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมต่อไป และเพื่อเป็นการส่งเสริมการประกอบวิชาชีพเวชกรรมทางด้านผิวหนังให้แพร่หลาย กว้างขวาง ถูกต้องตามหลักวิชาการ และให้การสนับสนุน ส่งเสริมการวิจัยและเผยแพร่ความรู้สู่ประชาชน ทางสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทยจึงได้จัดกิจกรรมตอบคำถามด้านสุขภาพและผิวพรรณความงาม และโรคผิวหนังชนิดต่าง ๆ ให้แก่ประชาชนผู้สนใจทั่วไป โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทยจะให้บริการตอบคำถามเกี่ยวกับปัญหาทางผิวหนังในระบบอีเมลแก่ประชาชนทุกท่าน ซึ่งสามารถส่งคำถามมาได้ที่อีเมล question@dst.or.th หรือต้องการดูข้อมูลด้านผิวหนังสามารถเข้ามาที่เว็บไซต์ www.dst.or.th