1. นพ.สุวัช เซียศิริวัฒนา
อภ. เร่งทำแผนแก้ปัญหายาขาด การก่อสร้างโรงงานวัคซีนและโรงงานผลิตยา
กระทรวงสาธารณสุขหารือผู้บริหารองค์การเภสัชกรรม แก้ไขปัญหาใน 3 ประเด็นหลักคือ ปัญหายาขาด การก่อสร้างโรงงานผลิตวัคซีนที่สระบุรี และโรงงานผลิตยาที่รังสิต ยืนยันคงการผลิตยาจำเป็น 5 กลุ่ม กว่า 190 รายการ เพื่อตอบสนองความต้องการใช้ยาของโรงพยาบาลต่าง ๆ
นพ.สุวัช เซียศิริวัฒนา ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม กล่าวว่า นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้เชิญคณะผู้บริหารองค์การเภสัชกรรมมาหารือใน 3 ประเด็นหลัก ประเด็นแรก เรื่องแนวทางการแก้ปัญหายาขาดแคลน ขณะนี้องค์การเภสัชกรรมผลิตยาอยู่ 193 รายการ แบ่งเป็น 5 กลุ่ม ได้แก่ 1. กลุ่มยาต้านไวรัส 2. กลุ่มยารักษาโรคสำคัญ โดยเฉพาะโรคไม่ติดต่อเรื้อรังที่ต้องใช้ยาติดต่อกันเป็นเวลานาน อาทิ ยาโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง 3. กลุ่มยาที่ผลิตตามนโยบาย 4. ยาจิตเวช ยาวัณโรค และ 5. ยาอื่น ๆ เช่น ยากำพร้าหรือยาจำเป็นฉุกเฉินต่าง ๆ ซึ่งองค์การเภสัชกรรมต้องคงการผลิตอยู่เพื่อตอบสนองความต้องการใช้ยาของโรงพยาบาลต่าง ๆ
โดยในปี พ.ศ. 2558 ปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้ให้องค์การเภสัชกรรมจัดทำแผนการผลิตยาให้ชัดเจน ผลิตตัวไหน เมื่อไร ในหลักการ ยาเหล่านี้ต้องมีแผนการผลิตให้เพียงพอและชัดเจน หากจำเป็นต้องเพิ่มกำลังการผลิต เช่น การบรรจุยาที่ต้องใช้สถานที่เพิ่มเติมก็ให้หาแนวทางอื่นเพิ่มเติมด้วย เช่น ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องในการเพิ่มช่องทางผลิตเพิ่มเติม ซึ่งองค์การเภสัชกรรมโดยผู้บริหาร และสหภาพ รับไปทำรายละเอียดเพิ่มเติม
ประเด็นที่ 2 เรื่องโรงงานผลิตวัคซีนที่จังหวัดสระบุรี โดยเป็นการเสนอต่อเนื่องจากความจำเป็นที่จะต้องเดินหน้า ในหลักการจะใช้งบประมาณเพิ่มเติม โดยใช้งบขององค์การเภสัชกรรม 59 ล้านบาท เพิ่มจากเดิมที่เคยได้งบประมาณในโครงการนี้ 1,411 ล้านบาท ซึ่งเป็นวงเงินเกินที่ ครม. เคยอนุมัติไว้ จำเป็นต้องเสนอ คสช. พิจารณา ทราบว่าขณะนี้เสนอเข้าสู่การพิจารณาของ คสช. แล้ว หากได้รับการอนุมัติจะใช้เวลาดำเนินการก่อสร้าง 513 วัน ส่วนการผลิตวัคซีน ต้องปรับเครื่องมือให้ได้มาตรฐานและระยะเวลาในการผลิตวัคซีนต้องใช้เวลา 500 วัน คาดว่าอีก 1,000 วันจะได้วัคซีนที่ขึ้นทะเบียนเรียบร้อย
ประเด็นที่ 3 เรื่องการเดินหน้าโรงงานผลิตยาที่รังสิต ในหลักการ ปลัดกระทรวงสาธารณสุขให้แนวทางว่าให้ดำเนินการเปิดได้ภายใน 1 ปี ให้ปรับรายละเอียด ทั้งกระบวนการก่อสร้าง การปรับปรุงเครื่องจักรให้ทำงานได้ ปรับกระบวนการตรวจสอบ และปรับการใช้เครื่องมือในการทำงาน
“สำหรับยาต้านไวรัสเอดส์ ยืนยันว่ามีสต็อกอยู่ แต่ว่าการผลิตส่งตามงวดของ สปสช. ตอนนี้กำลังเร่งดำเนินการ โดยมีแนวทางที่ชัดเจนว่าจะผลิตให้ทันได้เมื่อไร อย่างไร ในส่วนของยาเบาหวาน ท่านปลัดกระทรวงสาธารณสุขให้ไปทบทวนว่าจะเพิ่มการผลิตได้หรือไม่ หรือต้องไปประสานหน่วยงานอื่นเพื่อเพิ่มช่องทางการบรรจุ องค์การเภสัชกรรมรับไปทำรายละเอียด แต่ยืนยันว่าสำหรับโรงพยาบาลชุมชนในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข 700 กว่าแห่ง ตอนนี้กำลังการผลิตเพียงพอต่อความต้องการใช้ของโรงพยาบาลชุมชนที่ใช้ประมาณ 1.2 ล้านกล่อง แต่จะเพิ่มการผลิตได้อีกหรือไม่กำลังหาแนวทาง ขณะที่ยาจิตเวชและยาวัณโรคได้พยายามคงการผลิตไว้ ไม่ให้ขาดแคลน ประเด็นคือมียาหลายรายการที่โรงพยาบาลสั่งเข้ามา องค์การเภสัชกรรมจะนำความต้องการของแต่ละโรงพยาบาลมาจัดทำแผนการผลิตให้ทันต่อความต้องการ ขณะนี้แก้ปัญหาได้มากแล้ว และจะพยายามเพิ่มกำลังการผลิตให้ได้มากที่สุด” นพ.สุวัช กล่าวทิ้งท้าย