โกรทฮอร์โมน (Growth Hormone)
จากกระแสการใช้โกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) ในการเสริมสร้างร่างกายของนักกีฬาและนักเพาะกาย จนในวงการกีฬาต้องนำมาเป็นประเด็นในการตรวจเช็กการใช้ฮอร์โมนนี้ในการแข่งขันกีฬา เพื่อไม่ให้เกิดการได้เปรียบกันในการแข่งขัน จนทำให้มีข่าวของนักกีฬาที่มีชื่อเสียงที่มีการโดนปรับหรือมีการลงโทษกันมากมาย
โกรทฮอร์โมน คือ ฮอร์โมนหลักที่ผลิตจากต่อมใต้สมอง (Pituitary Gland) ทำหน้าที่ควบคุมการเจริญเติบโตและการทำงานของอวัยวะทุกส่วนของร่างกาย การสร้างเซลล์ใหม่ การทำงานของระบบสมอง และการทำงานของเอนไซม์
โกรทฮอร์โมน หรือ GH (Growth Hormones)(1) มีโปรตีนที่มีกรดอะมิโนอยู่มากมายถึง 191 โมเลกุล ในแต่ละช่วงอายุก็จะมีการหลั่งไม่เท่ากัน แต่ฮอร์โมนตัวนี้จะสามารถหลั่งได้ตลอดชีวิต โดยระดับการหลั่งจะหลั่งออกมามากเป็นพิเศษในช่วงวัยเจริญเติบโตหรือวัยเจริญพันธุ์ และเริ่มน้อยลงเมื่อเข้าสู่วัยชรา โดยระดับของโกรทฮอร์โมนจะลดต่ำลงเมื่ออายุมากขึ้น คือจะลดลง 14% ทุก 10 ปี แต่ก็อาจมีปัจจัยอื่นที่สามารถส่งผลกระทบต่อการหลั่งที่น้อยลงของโกรทฮอร์โมน เช่น โภชนาการอาหาร ความเครียด การนอนหลับ การออกกำลังกาย น้ำหนัก
การขาดโกรทฮอร์โมนมีผลทำให้เกิดการแก่ชรา และโรคต่าง ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับความชรา มีผลต่อการลดลงของสมรรถนะ และการเคลื่อนไหวของร่างกายอย่างรวดเร็ว ดังนั้น การเพิ่มโกรทฮอร์โมนเป็นหนทางการเพิ่มความอ่อนเยาว์ และคืนความกระชุ่มกระชวยให้แก่ร่างกาย จึงจัดเป็นกลุ่ม anti-aging หรือสารชะลอวัย(1)
รูปที่ 1 การหลั่งโกรทฮอร์โมนของร่างกาย(2)
การทำงานของโกรทฮอร์โมน(1,3)
โกรทฮอร์โมนที่ร่างกายหลั่งออกมาจะถูกส่งไปยังตับเพื่อเปลี่ยนเป็นสารคล้ายอินซูลิน (Insulin-like growth factor-1 หรือ IGF-1) หรือโซมาโตเมดิน (Somatomedin) นำไปใช้ในร่างกายเพื่อเสริมสร้างเนื้อเยื่อ
จากการวิจัยจากวารสารทางการแพทย์นิวอิงแลนด์ (New England) พบว่า การทดลองให้คนอายุ 65 ปี แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ได้รับ HGH และกลุ่มที่ไม่ได้รับ HGH ผลคือ กลุ่มที่ได้รับ HGH ทำให้ผมที่เคยหงอกลดลง ผมเริ่มกลับมาดกดำขึ้น ในบางรายมีการลดลงของรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าและตามร่างกาย อีกทั้งมีสมรรถภาพทางเพศที่เพิ่มขึ้นด้วย ความเสื่อมจากความชราลดลง ส่วนกลุ่มที่ไม่ได้รับ HGH จะมีความชราตามปกติโดยไม่มีการฟื้นฟูที่ดีขึ้น
ปัญหาจากการที่ร่างกายขาดโกรทฮอร์โมน(1,3)
ผมเริ่มหงอก ร่วง หรือผมบางจนเกือบล้าน ผิวหนังจะขาดความยืดหยุ่น ไม่ชุ่มชื้น ผิวแห้ง มีริ้วรอยเกิดขึ้น และเริ่มเหี่ยวย่น เพราะคอลลาเจนที่ช่วยทำให้ผิวเต่งตึงเริ่มลดน้อยลง สายตาจะเริ่มเปลี่ยน ความเปลี่ยนแปลงที่พบได้คือ เริ่มมีปัญหาสายตายาว อ่านหนังสือใกล้ ๆ จะเหมือนกล้องที่ไม่โฟกัส และยิ่งอายุเพิ่มขึ้น สายตาก็จะฝ้าฟางขึ้นเรื่อย ๆ รวมถึงระบบการเผาผลาญ การได้ยิน ความจำ กล้ามเนื้อ ฮอร์โมน และอื่น ๆ อีกที่เสื่อมถอยลงไป
ประโยชน์ของโกรทฮอร์โมน(1-4)
โดยปกติโกรทฮอร์โมนจะหลั่งออกมาเฉพาะในตอนที่เราหลับลึกเท่านั้น ช่วงเที่ยงคืนจนถึงตีหนึ่งครึ่ง หลังจากหลับไปแล้ว 1 ชั่วโมง ดังนั้น ถ้าหลับหลังตีหนึ่งเราจะไม่ได้โกรทฮอร์โมนเลย ดังนั้น การหลับที่ถูกต้องคือ หลับตั้งแต่สี่ทุ่มเพราะกว่าจะหลับลึกต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่าชั่วโมง และปริมาณโกรทฮอร์โมนจะลดลงหรือถูกสลายไปเมื่อมีน้ำตาลสูง ดังนั้น ก่อนนอนจึงไม่ควรบริโภคอาหารที่มีน้ำตาล หรือคาร์โบไฮเดรต
ดังนั้น ข้อปฏิบัติตัวที่กล่าวมาแล้วนั้นจะช่วยให้เราได้โกรทฮอร์โมนและใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดได้ แต่ถ้าต้องการเสริมโกรทฮอร์โมนควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรผู้เชี่ยวชาญ
เอกสารอ้างอิง