โรคหืด-ปอดอุดกั้นเรื้อรัง รักษา ควบคุมได้
โรคหืดและปอดอุดกั้นเรื้อรังถือเป็นปัญหาด้านสาธารณสุขระดับประเทศ ซึ่งในแต่ละปีจะมีผู้ป่วยที่มีอาการหอบรุนแรงเข้ารับการรักษาที่ห้องฉุกเฉินมากกว่าล้านคน และมีผู้ป่วยที่ต้องนอนรับการรักษาในโรงพยาบาลมากกว่าแสนรายต่อปี ทำให้มีการสูญเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาเป็นจำนวนมาก และส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย
รศ.นพ.วัชรา บุญสวัสดิ์ ประธานเครือข่ายคลินิกโรคหืดและปอดอุดกั้นเรื้อรังแบบง่าย เปิดเผยว่า “ในปัจจุบันโรคหืดสามารถควบคุมได้ นั่นคือโรคหืดสามารถรักษาให้อาการดีขึ้นและหายจากอาการหอบได้ หรือจะพูดว่าโรคหืดปัจจุบันไม่จำเป็นต้องหอบอีกต่อไป และผู้ป่วยบางรายสามารถหยุดใช้ยาและดำรงชีวิตได้อย่างปกติที่เรียกว่าโรคสงบ (Remission) หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าหาย แต่ปัญหาคือ ผู้ป่วยโรคหืดส่วนมากไม่เคยได้รับการตรวจคัดกรองโรคหอบหืดตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ซึ่งเป็นระยะที่สามารถรักษาให้หายได้ และไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม โดยการรักษาต้องใช้ยาพ่นสเตียรอยด์เป็นเวลานานหลายปี และติดตามอาการอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งต้องได้รับความร่วมมือจากผู้ป่วยและญาติ หรือผู้ดูแลเป็นอย่างดีจึงจะช่วยให้ผลการรักษาดีขึ้น ลดอัตราการนอนโรงพยาบาลและเสียชีวิตได้ ในปัจจุบันถึงแม้ว่ามีการเผยแพร่แนวทางการรักษาโรคหืดและปอดอุดกั้นเรื้อรังมาหลายปี แต่ผู้ป่วยโรคหืดและปอดอุดกั้นเรื้อรังยังได้รับการรักษาต่ำกว่ามาตรฐาน ซึ่งเกิดจากแนวทางในการรักษามีความยุ่งยากซับซ้อน ทำให้ผู้ป่วยปฏิบัติตามยาก และผู้ป่วยหลายรายมักเข้าใจว่าโรคหืดเป็นโรคที่รักษาไม่ได้ เนื่องจากเราไม่เข้าใจสาเหตุของการเกิดโรค ปัจจุบันการรักษาโรคหืดพัฒนาไปมาก ทำให้เรามีวิธีการรักษาที่ได้ผลจนทำให้ผู้ป่วยมีชีวิตเหมือนคนปกติธรรมดาได้โดยไม่ยาก”
โครงการเครือข่ายคลินิกโรคหืดและปอดอุดกั้นเรื้อรังแบบง่ายได้จัดตั้งขึ้นเมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2547 ด้วยความตั้งใจที่จะพัฒนาโรงพยาบาลทั่วประเทศที่ไม่ได้มีแพทย์เฉพาะทางให้สามารถดูแลรักษาผู้ป่วยโรคหืดและปอดอุดกั้นเรื้อรังให้ได้มาตรฐานในระดับสากล ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และลดการรักษาตัวในโรงพยาบาล เพื่อให้ผู้ป่วยได้มีโอกาสทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกับครอบครัวและสังคมได้ดีมากยิ่งขึ้น ซึ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพการรักษาอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าหมายให้อัตราการเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาลเข้าใกล้ศูนย์ ปัจจุบันมีโรงพยาบาลเครือข่ายที่มีคลินิกโรคหืดแบบง่ายจำนวน 1,374 แห่งทั่วประเทศ รวมทั้งในโรงพยาบาลชุมชนที่ห่างไกลซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากจำนวน 98 โรงพยาบาล ในปี พ.ศ. 2551 ทำให้ผู้ป่วยในภูมิภาคสามารถเข้ารับการรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดอัตราการกำเริบรุนแรงจนต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลกว่า 29%
ตลอดระยะเวลา 13 ปีที่ผ่านมา เครือข่ายมุ่งเน้นในการส่งเสริมให้ผู้ป่วยโรคหืดในทุกพื้นที่ทั่วประเทศกว่า 3 ล้านคน ให้ได้รับการรักษาที่ได้มาตรฐานเดียวกันครบทุกขั้นตอนอย่างมีคุณภาพทั่วประเทศ โดยที่ไม่จำเป็นต้องเดินทางเข้ามาในเมืองใหญ่ ถือเป็นความท้าทายอย่างยิ่งของเครือข่ายที่พยายามผลักดันแผนงานการรักษาโรคหืดจากโรงพยาบาลชุมชนเข้าไปให้ถึงระดับตำบล โดยมีทีมแพทย์ออกไปเยี่ยมผู้ป่วยและให้คำแนะนำถึงชุมชน ทำให้สามารถลดอัตราความรุนแรงจนต้องเข้ารับการรักษาและนอนโรงพยาบาลลงกว่า 29% ซึ่งจากผลการดำเนินงานที่ผ่านมาถือเป็นบทพิสูจน์ความสำเร็จครั้งสำคัญของเครือข่ายที่สามารถดำเนินการตามเป้าหมายได้เป็นผลสำเร็จ
รศ.นพ.วัชรา กล่าวปิดท้ายว่า “นอกจากนี้เรายังได้เล็งเห็นถึงปัญหาและความสำคัญในการจัดการระบบฐานข้อมูลผู้ป่วยโรคหอบหืดและปอดอุดกั้นเรื้อรังแบบง่าย จึงได้มีการพัฒนานวัตกรรมด้านเทคโนโลยีสารสนเทศที่มีความครอบคลุมและเอื้อประโยชน์ต่อทั้งผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์ นวัตกรรมนี้คือ EACC Health Card เปรียบเสมือน OPD Card ซึ่งเป็นระบบฐานข้อมูลระดับบุคคลที่เชื่อมโยงกับโรงพยาบาลเครือข่าย และข้อมูล 43 แฟ้มของสำนักงานสาธารณสุขผ่านระบบอินเตอร์เน็ต โดยผู้ป่วยสามารถนำบัตรนี้ไปใช้ได้ทั่วประเทศ สะดวกต่อการรักษาเนื่องจากได้ข้อมูลที่ละเอียดครบถ้วน ก่อให้เกิดการรักษาที่มีคุณภาพตามมา ไม่เพียงแต่เป็นประโยชน์ต่อตัวผู้ป่วยแต่ยังเป็นประโยชน์ต่อสถาบันทางการแพทย์ที่จะนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ในการทำวิจัย อีกทั้งยังสามารถแก้ปัญหาและพัฒนาการดูแลผู้ป่วย รวมถึงกำหนดนโยบายในการดูแลผู้ป่วยในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ”