เวียนศีรษะบ้านหมุน ไม่ใช่เรื่องเล่น อาการเตือนนำสู่โรคภัย
อาการเวียนศีรษะบ้านหมุนพบได้บ่อยในทุกเพศทุกวัย หากเกิดอาการไม่ควรซื้อยามารับประทานเอง เพราะบางครั้งอาการเวียนศีรษะอาจเป็นสัญญาณเตือนเบื้องต้นของโรคอื่น ๆ ได้
นพ.ภาสกร ชัยวานิชศิริ รองอธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า อาการบ้านหมุนเป็นปัญหาสุขภาพที่สร้างความรำคาญและกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันอย่างมาก ทำให้ผู้ป่วยที่มีอาการเวียนศีรษะระหว่างทำงานหรือทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักรอาจเกิดอันตรายได้ อาการที่พบได้บ่อยคือ เวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน หน้ามืดคล้ายจะเป็นลม ทรงตัวลำบาก บ้านหมุนคล้ายกับสิ่งแวดล้อมรอบตัวหมุน หรือรู้สึกว่าตัวเองหมุนทั้งที่ไม่มีการเคลื่อนไหว อาจมีอาการทางหูร่วมด้วย เช่น หูอื้อ มีเสียงในหู เป็นต้น
สาเหตุของอาการบ้านหมุนมักเกิดจากสาเหตุของหูชั้นใน หรือระบบประสาทก็ได้ โดยทั่วไปถ้ามีอาการเวียนศีรษะรุนแรง ผู้ป่วยมักจะไม่สามารถเคลื่อนไหวศีรษะได้ หรืออาการเลวลงเมื่อมีการขยับหรือเปลี่ยนตำแหน่งของศีรษะ ร่วมกับอาการคลื่นไส้ อาเจียน หูอื้อ หรือมีเสียงดังในหู เช่น น้ำในหูไม่เท่ากันหรือหินปูนในหูหลุด คนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่าอาการบ้านหมุนเกิดจากน้ำในหูไม่เท่ากัน แต่จากการศึกษาพบว่ามีเพียงร้อยละ50 ที่เกิดจากความผิดปกติของหูชั้นใน เช่น โรคน้ำในหูไม่เท่ากันพบร้อยละ10 โดยผู้ป่วยจะมีอาการบ้านหมุน หูอื้อ ร่วมกับการได้ยินของหูข้างนั้นลดลง ส่วนอาการเวียนศีรษะจากสาเหตุของโรคทางระบบประสาท เช่น โรคหลอดเลือดสมอง มักมีอาการเวียนศีรษะทันทีทันใด โดยที่มีความรุนแรงไม่มาก ร่วมกับมีอาการทางระบบประสาทร่วมด้วย เช่น ตาเหล่หรือเห็นภาพซ้อน พูดไม่ชัด ปากเบี้ยว แขนขาชาหรืออ่อนแรง เดินลำบาก หรือทรงตัวไม่ได้ ถ้ามีอาการเหล่านี้ให้รีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจอย่างละเอียดทันที ส่วนสาเหตุอื่น ๆ ของการเวียนศีรษะอาจเกิดจากอาการเมารถ เมาเรือ หรือปวดศีรษะไมเกรนได้
ดังนั้น การวินิจฉัยโรคที่ถูกต้องจึงมีความสำคัญกับผู้ป่วย เพราะถ้าได้รับการรักษาในระยะแรกจะได้ผลดี หากสงสัยว่าตนเองมีความผิดปกติ รู้สึกเวียนศีรษะบ้านหมุนโดยที่ไม่เคยเป็นมาก่อน หรือมีประวัติโรคหู ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุและรับการรักษาที่ถูกต้อง
นพ.ภาสกร กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับรายที่มีอาการเวียนศีรษะและอาเจียนมาก ๆ จะทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำและเกลือแร่อย่างรวดเร็ว ส่งผลทำให้ความดันในเลือดต่ำและอาจเกิดภาวะช็อกจนทำให้เกิดอันตรายได้ ทั้งนี้เมื่อมีอาการเวียนศีรษะบ้านหมุนขณะทำกิจกรรมต่าง ๆ ควรหยุดนั่งพักเพื่อป้องกันการหกล้ม กรณีที่มีอาการเวียนศีรษะหรือบ้านหมุนมาก ๆ ควรนอนพักสักครู่จนอาการดีขึ้นหรือนั่งพัก หลับตา และรีบไปพบแพทย์ นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงปัจจัยที่กระตุ้นให้อาการเลวลง เช่น การหันศีรษะไว ๆ การเปลี่ยนอิริยาบถอย่างรวดเร็ว การก้ม เงยคอนาน ๆ ความเครียด วิตกกังวล อดนอน เป็นต้น ควรงดดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ รวมถึงรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจะช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดโรคได้