ไข้หวัดใหญ่ รู้ตัวเร็ว รักษาก่อน ลดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส
ปัจจุบันคนไทยยังมีความเข้าใจว่าไข้หวัดใหญ่เป็นโรคที่ไม่ร้ายแรง และสามารถหายเองได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว หากผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยว่าได้รับเชื้อไข้หวัดใหญ่ พวกเขาจำเป็นต้องได้รับการรักษาที่ถูกต้องเพื่อลดความรุนแรงของโรค อัตราการเสียชีวิต รวมถึงการแพร่กระจายของโรคไปยังคนรอบข้าง โดยเฉพาะครอบครัวหรือบุคคลใกล้ชิดเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหน้าฝนและช่วงเปิดเทอม ซึ่งเป็นช่วงสำคัญต่อการทำให้เกิดการแพร่กระจายของเชื้อโรคได้ดียิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการสร้างความตระหนัก และความเข้าใจต่อแนวทางการรักษาและดูแลตัวเองเมื่อเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ได้ดียิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้ ศ.เกียรติคุณ นพ.ประเสริฐ ทองเจริญ ประธานมูลนิธิส่งเสริมการศึกษาไข้หวัดใหญ่ และ รศ.(พิเศษ) นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ นายกสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย ร่วมให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ในประเทศไทย พร้อมแนวทางการป้องกันรักษาโรคไข้หวัดใหญ่ รวมถึงการเล่าประสบการณ์ในมุมมองของอดีตผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่อย่าง คุณกัปตัน ภูธเนศ หงษ์มานพ นักแสดงและพิธีกรชื่อดัง
ไข้หวัดใหญ่ยังคงเป็นโรคร้ายที่คุกคามสุขภาพของคนไทยอย่างต่อเนื่อง ด้วยเชื้อไวรัสที่สามารถแพร่กระจายไปสู่คนทุกเพศทุกวัยได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งจากรายงานสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ของประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-7 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 ที่ผ่านมา พบว่าปีนี้มีการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยมีผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่แล้วกว่า 152,185 ราย และมีผู้เสียชีวิตถึง 10 ราย ภายใน 4 เดือนแรกของปีนี้1 ซึ่งถือเป็นสถิติที่น่าตกใจเมื่อจำนวนผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ของปี พ.ศ. 2562 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมจนถึงปัจจุบันกลับมีจำนวนกว่า 82% ของผู้ป่วยทั้งหมดเมื่อปี พ.ศ. 2561 ที่จากรายงานของกระทรวงสาธารณสุขเมื่อปี พ.ศ. 2561 ได้ระบุว่ามีผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่กว่า 185,829 รายจาก 77 จังหวัดทั่วประเทศ และมีรายงานการเสียชีวิตถึง 32 ราย1 จึงเป็นสาเหตุให้โรคไข้หวัดใหญ่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวังประจำปี พ.ศ. 2562
สำหรับปีนี้กลุ่มที่ถูกตรวจพบว่าเป็นโรคไข้หวัดใหญ่สูงที่สุดในประเทศไทยคือ กลุ่มเด็กที่มีอายุระหว่าง 7-9 ปี คิดเป็น 13.71% ตามมาด้วยกลุ่มคนวัยทำงาน 25-34 ปี (12.99%) และเด็กอายุ 10-14 ปี (12.77%) ซึ่งเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่าการติดต่อของโรคไข้หวัดใหญ่มักเกิดขึ้นภายในโรงเรียน1
อย่างไรก็ตาม ในประเทศไทยได้พบจำนวนผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ประจำฤดูกาลเพิ่มขึ้น ซึ่งเกิดขึ้นเป็นประจำในหน้าฝน เนื่องจากเชื้อไวรัสมีแนวโน้มที่จะแพร่กระจายได้ดีในประเทศเขตร้อนที่มีความชื้นสูง นอกจากนี้ตามธรรมชาติของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ ทำให้การระบาดของโรคสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดทั้งปี ซึ่งปีนี้นับเป็นครั้งแรกของประเทศไทยที่พบการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ในฤดูแล้งช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ด้วยจำนวนผู้ป่วยถึง 46,648 ราย และผู้เสียชีวิต 4 ราย2 ในขณะที่โรคไข้หวัดใหญ่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง แต่ยังมีคนไทยจำนวนมากที่เข้าใจว่าไข้หวัดใหญ่เป็นโรคที่ไม่ร้ายแรงและสามารถหายเองได้ เนื่องจากมีอาการคล้ายกับไข้หวัดธรรมดา โดยมาตรการในการป้องกันและรักษาโรคไข้หวัดใหญ่ในปัจจุบันมี 2 รูปแบบด้วยกัน คือ การรับวัคซีนและยาต้านไวรัส ซึ่ง รศ.(พิเศษ) นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ ที่ปรึกษากรมการแพทย์ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้ชี้แจงว่าถึงแม้โรคไข้หวัดใหญ่จะติดต่อได้ง่าย หากแต่ป้องกันและรักษาได้เช่นเดียวกัน
ทั้งนี้โรคไข้หวัดใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ ซึ่งถูกแบ่งออกเป็น 4 สายพันธุ์ คือ A, B, C และ D โดยสายพันธุ์ A และ B เป็นเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล3 ซึ่งประเทศไทยมีแนวโน้มพบการระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลของสายพันธุ์ B มากกว่าสายพันธุ์ A โดยสายพันธุ์ B จะไม่รุนแรงเท่าสายพันธุ์ A และไม่สามารถติดต่อระหว่างคนกับสัตว์ได้
“การรับวัคซีนเป็นมาตรการเพื่อป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ แต่เนื่องจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่เป็นเชื้อที่สามารถกลายพันธุ์ได้ตามธรรมชาติของมัน ทำให้ต้องมีการเปลี่ยนแปลงวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในทุก ๆ ปี เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ กระทรวงสาธารณสุขจึงรณรงค์ให้ประชาชนไปรับวัคซีนไข้หวัดใหญ่เป็นประจำทุกปี ในขณะเดียวกันยาต้านไวรัสก็ยังเป็นมาตรการที่ใช้เพื่อการรักษาโรคไข้หวัดใหญ่หลังจากที่ได้รับเชื้อ เพื่อย่นระยะเวลาของอาการป่วย และลดความเสี่ยงที่อาการอาจมีความรุนแรงขึ้นจนถึงขั้นเสียชีวิต”
สำหรับการสังเกตอาการในระยะแรกหลังจากได้รับเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ ผู้ป่วยควรรีบเข้าพบแพทย์เมื่อพบว่ามีไข้สูงติดต่อกันเกิน 48 ชั่วโมง เพื่อรับคำแนะนำและการรักษาด้วยยาต้านไวรัสที่ถูกต้อง ซึ่งถือเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง โดยโรคไข้หวัดใหญ่จะมีอัตราการแพร่ระบาดสูงสุดในช่วง 3-5 วันแรกที่มีอาการ ดังนั้น ผู้ป่วยจึงควรพบแพทย์ทันทีเพื่อรับการรักษาโดยเร็วที่สุด เพราะนอกจากจะป้องกันไม่ให้อาการรุนแรงขึ้นแล้ว ยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดไปยังบุคคลรอบข้างด้วย และสำหรับประเทศไทยที่กำลังจะย่างเข้าสู่ฤดูฝน ประชาชนทั่วไปก็ควรเข้ารับการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ แต่อย่างไรก็ตาม วัคซีนไข้หวัดใหญ่มีประสิทธิภาพอยู่ระหว่าง 40-60% เท่านั้น ทุกคนจึงควรระมัดระวังและศึกษามาตรการเพื่อการรักษาไปพร้อมกัน ในขณะที่ปัจจุบันมียาต้านไวรัสหลายแขนงอยู่ในตลาด แต่การพัฒนาของเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ ยังคงเกิดขึ้นอยู่เสมอเพื่อผลักดันขีดความสามารถทางการแพทย์ให้เกิดประสิทธิภาพในการรักษาโรคไข้หวัดใหญ่ได้ดีที่สุดต่อไป
เอกสารอ้างอิง