ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์ฯ เตือนความรุนแรงของกามโรค และโรคทางเพศสัมพันธ์กับการระบาดในหมู่วัยรุ่น

ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์ฯ เตือนความรุนแรงของกามโรค และโรคทางเพศสัมพันธ์กับการระบาดในหมู่วัยรุ่น                                                   

อ.นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย และอุปนายกสมาคมแพทย์โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์แห่งประเทศไทย

โรคซิฟิลิส หนองใน เริม เอชไอวี และหูดหงอนไก่ กลับมาระบาดอีกครั้งทำให้โรคเกี่ยวกับกามโรคในประเทศไทยพุ่งสูงมากขึ้นในหมู่เยาวชนและวัยรุ่น โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นเหตุมาจากอัตราการใช้ถุงยางลดลง โดย ทั่วโลกกำลังให้ความสนใจในเรื่องของการแพร่ระบาดของโรคซิฟิลิสในหลาย ๆ ประเทศ สำหรับในประเทศไทยมีข้อมูลการแพร่ระบาดของโรคซิฟิลิสครั้งใหม่ในหมู่ของวัยรุ่น ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย และสมาคมแพทย์โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์แห่งประเทศไทย จึงขอหยิบยกเรื่องโรคทางเพศสัมพันธ์มากล่าวถึงพร้อมแนะแนวทางปฏิบัติตนให้เหมาะสม

โรคซิฟิลิสและหนองในเป็นโรคที่เกี่ยวกับพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศ โดยมีระยะฟักตัวประมาณ 3 วัน ผู้ชายจะเริ่มปัสสาวะแสบขัดและมีหนอง ส่วนในผู้หญิงจะมีอาการตกขาว มีกลิ่น มีเมือกสีเขียว ๆ หรืออาจจะไม่มีอาการเลยก็ได้ ปัจจุบันโรคหนองในเริ่มพบว่ามีการดื้อยา ลักษณะของการดื้อยามีหลายรูปแบบจึงได้เปลี่ยนวิธีมาใช้วิธีการฉีดยาซึ่งมีประสิทธิภาพมากขึ้น สำหรับยาประเภทรับประทานเริ่มรักษาไม่หายเพราะเกิดการดื้อยา เพียงแค่เริ่มมีอาการดีขึ้น มีหนองน้อยลง ปัสสาวะไม่แสบ ทำให้ผู้ป่วยคิดว่าหายขาดแล้วจึงไปมีเพศสัมพันธ์ซ้ำและไปแพร่เชื้อต่อ

ส่วนโรคซิฟิลิสจะมีระยะฟักตัวตั้งแต่ 10 วัน-3 เดือน แบ่งเป็น 1. ระยะที่ 1 เป็นแผลริมแข็งที่บริเวณอวัยวะเพศ แผลมักจะไม่เจ็บ  2. ระยะที่ 2 เป็นผื่นตามตัว แขน ขา ฝ่ามือ ฝ่าเท้า ผมร่วง เป็นต้น  3. ระยะแฝง ไม่มีอาการผิดปกติ แต่ผลการตรวจเลือดซิฟิลิสให้ผลบวก

จากข้อมูลในการเฝ้าระวังพฤติกรรมที่สัมพันธ์กับการติดเชื้อเอชไอวีของกลุ่มนักเรียนนักศึกษาล่าสุด พบว่าวัยรุ่นมีแนวโน้มในการมีเพศสัมพันธ์เร็วขึ้น โดยมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกเมื่ออายุประมาณ 13 ปี โดยร้อยละ 30 ไม่ใช้ถุงยางอนามัยในการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก ทำให้เห็นว่าวัยรุ่นยังไม่ได้ตระหนักถึงผลกระทบจากการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ป้องกัน ซึ่งจะทำให้วัยรุ่นติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ รวมถึงเอชไอวี และการตั้งครรภ์ตอนที่ยังไม่พร้อมเพิ่มสูงขึ้น

ปัญหาของวัยรุ่นขณะนี้คือ เป็นวัยที่ไม่พร้อมและมีการใช้ถุงยางอนามัยน้อยลง พบว่าสังคมปัจจุบันมีพวกสื่อโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ที่สามารถเข้าถึงสื่อลามกอนาจารได้ง่ายขึ้น และผู้ปกครองไม่มีเวลาดูแลบุตรหลานเท่าที่ควร ปล่อยให้เด็กอยู่กับเพื่อนหรือไปทำกิจกรรมนอกบ้านเพียงลำพัง เมื่อเกิดมีเพศสัมพันธ์ก่อนเวลาอันควรจนทำให้มีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคร้ายได้ นอกจากโรคซิฟิลิสและหนองในแล้ว ยังมีโรคที่กลับมาระบาดอีกครั้งอีก 2 โรค คือ โรคเริม และโรคหูดหงอนไก่ สำหรับโรคเริมเมื่อเป็นแล้วจะต้องอยู่กับมันไปตลอดชีวิต บางคนเป็นทุกเดือน เป็นที่อวัยวะเพศหรืออาจจะเป็นที่ริมฝีปาก เป็นซ้ำ ๆ ซาก ๆ บางคนสุขภาพจิตเสีย ปัจจุบันไม่มียารักษาให้หายขาด

ทั้งนี้จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้เหมือนในช่วง 20 ปีที่แล้วที่มีการรณรงค์ในเรื่องของการใช้ถุงยางอนามัย ไม่ควรชะล่าใจ หากไม่ใช้ถุงยางอนามัยแล้วก็จะทำให้เป็นโรคเหล่านี้กลับมาระบาดอีกครั้ง ซึ่งนอกจากจะพบทั้ง 4 โรคนี้แล้ว ที่สำคัญยังพบว่าผู้ป่วยที่เป็นโรคซิฟิลิสมีโอกาสสูงที่จะติดเชื้อเอชไอวีร่วมด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มชายรักชาย (เกย์) โดยพบว่าในคลินิกที่ให้บริการเกี่ยวกับตรวจเลือดเอชไอวีมีการตรวจพบกลุ่มที่เสี่ยงที่สุดคือ กลุ่มเกย์ จากการตรวจจำนวน 100 คน จะพบประมาณ 10 กว่าคนที่ติดทั้งซิฟิลิสและเอชไอวีทำให้การรักษาโรคซิฟิลิสทำได้ยากขึ้นเพราะภูมิต้านทานจะต่ำ เวลารักษาซิฟิลิสจะเป็น ๆ หาย ๆ กลับมาเป็นได้อีก โรคซิฟิลิสนั้นไม่มีความต้านทานที่ถาวร ผู้ป่วยสามารถติดเชื้อได้ทุกครั้ง บางคนเป็นได้ตั้ง 5-6ครั้ง